Scream 2 (1997) หวีดสุดขีด 2

Scream 2 (1997) | หวีดสุดขีด 2
Director: Wes Craven
Genres: Horror | Mystery
Grade: C+

ปกติถ้าหนังภาคแรกออกมาดีย่อมมีภาคต่อเป็นพิธีอยู่แล้วแต่กับเรื่องนี้ไม่ใช่แบบนั้นถ้าตั้งใจทำออกมาทันทีเป็นไตรภาคโดยไม่ต้องรอว่าภาคแรกจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ดังนั้นแทบไม่ต้องอะไรเลยเมื่อภาคแรกจะเฟอร์เฟคขนาดนั้น Miramax ย่อมไฟเขียวต่อโดยปริยายและแน่นอนต้องมีอีกภาคต่อให้จบครบสามองค์แน่นอน แต่หนนี้ขอกล่าวถึงองค์ที่สองในภาคต่อที่ยังคงเช่นเคยกับนักแสดงชุดก่อนที่เหลือรอดไม่ว่าจะซิดนี่ย์ เพรสค็อตต์ (Neve Campbell) ที่ตอนนี้ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว หรือจะเพื่อนสนิทแรนดี้ (Jamie Kennedy) ที่รอดชีวิตมาด้วยกันอย่างหวุดหวิด รวมถึงดิวอี้ (David Arquette) นายตำรวจในภาคแรกที่ยังไม่ทิ้งห่างซิดนี่ย์ด้วยความเป็นห่วง และที่ยังเป็นไม้เบื่อไม้เมาไม่หายคือเกล (Courteney Cox) นักข่าวที่ตามติดทุกเวลาเพื่อล่าข่าวให้ได้ข้อมูลก่อนใครและสมจริงที่สุด และแน่นอนว่าในหนนี้ย่อมมีสมาชิกเพิ่มเข้ามาใหม่กับเพื่อนใหม่ๆที่มีทั้งเดเร็ค (Jerry O'Connell) หนุ่มนักเรียนแพทย์ที่ไม่ใช่แค่เพื่อนเฉยๆแต่เป็นรักใหม่ของซิดนี่ย์ , ฮอลลี่ (Elise Neal) , ซีซี่ (Sarah Michelle Gellar) สาวนักเรียนในชั้นภาพยนตร์ และมิคกี้ (Timothy Olyphant) เพื่อนสนิทฝ่ายเดเร็ค ที่สำคัญยังไม่ลืมที่จะเพิ่มแม้กระทั่งบทของตากล้องที่ตีคู่มากับเกลกับโจเอล (Duane Martin) ที่ไม่รู้ว่าชะตากรรมจะเช่นคนเก่าหรือเปล่า นอกจากนักแสดงที่ขนมาอย่างเยแล้วยังมีเจ้าเก่าที่ขาดไม่ได้คือผู้กำกับ Wes Craven ที่มาเติมความสยองกันถึงที่

Scream (1996) หวีดสุดขีด

Scream (1996) | หวีดสุดขีด
Director: Wes Craven
Genres: Horror | Mystery
Grade: A-

กฎข้อแรก"จงอย่าได้มีเซ็กซ์เป็นอันขาด"
ข้อสอง"อย่ายุ่งกับสิ่งเสพติดทุกชนิด"
ข้อสามอย่าบอกว่า"ฉันจะกลับมา"
และข้อสุดท้าย"ทุกคนเป็นผู้ต้องสงสัย"

นี่คือพื้นฐานเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับสูตรหนังสยองขวัญทั้งหลายแหล่ที่ซึ่งล้วนหลีกหนีข้อดังกล่าวทุกใดข้อหนึ่งไม่ได้หมด เว้นแต่ว่านั่นจะเป็นมากกว่าหนังสยองขวัญเพี้ยวๆ อย่างข้อแรกที่ว่าเรื่องเซ็กซ์อันเกิดจากความกระหายของช่วงวัย โดยเฉพาะวัยรุ่นอันแสนอยากลองพิสูจน์เรื่องเพศจนเป็นธรรมเนียบที่ต้องพบประจำแทบทุกๆเรื่องที่อย่างน้อยจะหาเวลามีอะไรกันได้ตลอดแม้สถานที่จะไม่อำนวยเลยก็ตาม ซึ่งเป็นจังหวะของผู้ชมที่อยากดูบ้างล่ะมีของดีโชว์บางล่ะ แต่เรื่องแบบนี้ดันชอบกันจริงเพราะมันมีอารมณ์เป็นภูมิหลังช่วยเสริม จึงไม่แปลกอะไรเท่าไหร่ว่าหนังสยองจำเป็นต้องมีมากกว่าการฆ่าได้ซึ่งเลือดกับศพ เนื่องจากเป็นการเจาะเข้ากลุ่มวัยรุ่นให้ออกมาเร้าใจคล้ายกับต้องสยองแล้วต้องกระตุ้นด้วย ดังนั้นหนังสยองขวัญจึงมีผลพวงเรื่องเพศอยู่ทั้งการแต่งกาย และอิทธิพลอีกหลายอย่างอันไม่จำเป็นที่นำพามาสู่เรื่องเซ็กซ์ได้ เช่นกับการหาความสุขใส่ตัวแต่หารู้ไม่ว่าจะเป็นจุดจบของชีวิตได้เช่นกันเมื่อนางเอกที่รอดมักจะเป็นสาวพรหมจรรย์แสดงถึงความบริสุทธิ์ผิดกับตัวละครอื่นๆที่ตายเพราะมีเซ็กซ์กันแล้ว เป็นอีกหนึ่งมุมมองแสดงถึงการกระทำแห่งบาป หรือความสะอาดอันได้รับการปนเปื้อนจนต้องชำระล้างด้วยการกำจัด ซึ่งนั่นแหละเป็นมุมสะท้อนวิถีชีวิตของชาวตะวันตกที่มองว่าเป็นเรื่องปกติทั้งที่น่าจะห้ามๆเอาไว้บ้าง ทั้งนี้ยังมีเหตุผลอื่นๆอีกมากมายเกี่ยวกับเซ็กซ์ว่าทำไมต้องเพราะเช่นนี้อย่างเรื่อง Friday the 13th ที่กล่าวกันว่ามีสูตรตายตัวเรื่องตัวละครมีเซ็กซ์แล้วพบอันเป็นไปบ่อยมาก แต่หารู้ไม่ว่าเมื่อมองความเข้าใจในจุดนี้ตั้งแต่ภาคแรกจะรับรู้ว่านี่คือปมประเด็นอย่างหนึ่งที่สะท้อนชีวิตวัยรุ่นออกมาว่าเห็นแก่ตัวมากแค่ไหน

Mosquito (1994) ยุงมรณะ

Mosquito (1994) | ยุงมรณะ
Director: Gary Jones
Genres: Horror | Sci-Fi
Grade: C

ยุงคือสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่สร้างความรำคาญและโรคแก่มนุษย์อยู่เสมอ จัดการเท่าไรก็ไม่หมดไปจากโลก สิ่งที่ทำได้คือการป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกยุงกัด หรือช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้เกิดน้ำขัง ไม่เช่นนั้นยุงจะวางไข่สร้างลูกสร้างหลานอีกนับไม่ถ้วน แต่จะเป็นยังไงหากยุงไม่ได้ตัวเล็กอีกต่อไป เมื่อยุงได้กลายพันธุ์มีขนาดใหญ่ขึ้นหลายร้อยเท่า

Birds of Prey: And the Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn (2020) ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด

Birds of Prey: And the Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn (2020) | ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด
Director: Cathy Yan
Genres: Action | Adventure | Comedy | Crime
Grade: B+

ตอนได้เห็น Suicide Squad (2016) คือความคาดหวังที่จะมาฉีกแนวซูเปอร์ฮีโร่ ได้เห็นตัวร้ายมากอบกู้โลกด้วยวิธีแบบร้ายๆบ้าง แต่คาดหวังไว้สูงจึงต้องเจ็บมากตามไปด้วย ทั้งที่มีของให้ใช้หลายอย่างก็ดูเหมือนยังขาดแล้วขาดอีก ทำให้ตัวละครที่มีเสน่ห์มากสีสันไม่ได้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องที่น่าจะมีมิติมากกว่านั้น พอผิดหวังทำให้ความอยากดูต่อไปจึงน้อยลง

Extraction (2020) คนระห่ำภารกิจเดือด

Extraction (2020) | คนระห่ำภารกิจเดือด
Director: Sam Hargrave
Genres: Action | Thriller
Grade: B+

ไม่ง่ายเลยที่เห็น Chris Hemsworth กับหนังที่จดจำสักเรื่อง เพราะนอกจากเป็นเทพเจ้าสายฟ้าอย่าง ธอร์ แล้วก็หาหนังที่น่าจดจำหรือดีๆได้น้อยเต็มที (ยกเว้น The Cabin in the Woods (2011) กับฉากขี่มอเตอร์ไซค์พุ่งข้ามฝั่ง ก่อนจะเจอเข้ากับบางอย่างที่สร้างความช็อกคนดูถึงขีดสุด) ส่วนเรื่องนี้นั้นให้ความรู้สึกทั้งสองอย่างคือไม่น่าจดจำกับถึงอารมณ์ความมันส์

Underwater (2020) มฤตยูใต้สมุทร

Underwater (2020) | มฤตยูใต้สมุทร
Director: William Eubank
Genres: Adventure | Horror | Sci-Fi | Thriller
Grade: B-

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

เปิดเรื่องเห็น Kristen Stewart แปรงฟันหน้ากระจกไม่กี่นาที หลังจากนั้นเกิดระเบิดตู้มต้ามประหนึ่งหนังแอ็คชั่นที่ดูมันส์มากกว่าลุ้นเอาตัวรอด (จังหวะในตอนนั้นใช้มุมกล้องสั่นและรัวๆด้วยระเบิด) ต่อมารวบรวมคนที่ยังเหลือรอดเพื่อหาทางออกจากสถานีขุดเจาะใต้มหาสมุทร แต่แล้วต้องพบว่ามีบางสิ่งต้องการเอาชีวิตพวกเขา

Back to the Future Part III (1990) เจาะเวลาหาอดีต ภาค 3

Back to the Future Part III (1990) | เจาะเวลาหาอดีต ภาค 3
Director: Robert Zemeckis
Genres: Adventure | Comedy | Sci-Fi | Western
Grade: A

ในหมู่หนังไตรภาคทั้งหลายตั้งแต่สัมผัสรับชมมา ไม่มีหนังเรื่องไหนจะทำให้รู้สึกต่อเนื่องจนหยิบทั้งสามภาคมาชมติดๆกันได้ขนาดนี้เลย อารมณ์ประมาณว่าจบภาคแรกต้องต่อสองแต่พอจบสองมันต้องอีกสาม

Back to the Future Part II (1989) เจาะเวลาหาอดีต ภาค 2

Back to the Future Part II (1989) | เจาะเวลาหาอดีต ภาค 2
Director: Robert Zemeckis
Genres: Adventure | Comedy | Sci-Fi
Grade: A

ภาคแรกจบไปซะแบบนั้นแล้วจะไม่ให้มีภาคต่อคงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อลงทุนไป 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐแต่ได้กำไรมาถึง 381 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันจริงตั้งใจทำเป็นไตรภาคเดินเรื่องรวดเดียวแบบไม่ต้องพักต่างหาก นี่สิถึงจะมันส์ขนาดแท้ กลับมาเข้าที่เนื้อเรื่องที่สานต่อจากตอนจบภาคแรกที่ว่าด้วยดร.เอ็มเมท บราวน์ (Christopher Lloyd) ใช้รถเจาะเวลาไปอนาคตในปี 2015 ก่อนจะกลับมาในปี 1985 อีกครั้งเพื่อมาบอกมาร์ตี้ (Michael J. Fox) เรื่องลูกในอนาคตที่กำลังจะพบปัญหาชิ้นใหญ่ที่จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตไป ทำให้งานนี้ทั้งด็อกทั้งมาร์ตี้ต้องเดินทางไปอีก 30 ปีข้างหน้าเพื่อไปแก้ไขปัญหานี้ให้จบลงด้วยดี ทำให้การผจญภัยครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทว่าปัญหาของการไปอนาคตครั้งนี้ได้ส่งผลไปยังอดีตจนผิดเพี้ยนไปจากเดิมอย่างมหาศาลเมื่อด็อกกับมาร์ตี้ได้ย้อนกลับมาเวลาเดิมในปี 1985 แล้วพบว่าทุกอย่างผิดปกติไปหมดทั้งบ้านเมืองที่ตอนนี้ถูกคุกคามจากเหล่าอาชญากรรมจนไร้วี่แววของความสงบสุข โรงเรียนแหล่งความรู้ถูกทำลาย สังคมมีความป่าเถื่อน แต่เพราะอะไรแม้แต่ด็อกยังแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยสักนิดเดียว จะมีเบาะแสอยู่อย่างคือผู้นำแห่งโลกความรุนแรงนี้คือบีฟ เทนเนนท์ (Thomas F. Wilson) แล้วทำไมเขาคนนี้ถึงกลายเป็นผู้นำที่มีอำนาจรวยล้นฟ้าได้ทั้งที่หลังจากกลับมาจากอดีตพร้อมแก้ไขปัญหาไปแล้วก่อนหน้านี้ยังเป็นคนใช้อยู่เลย จึงเป็นเหตุสงสัยที่ด็อกกับมาร์ตี้ต้องช่วยกันหาเบาะแสตัวการว่าทำไมเวลาถึงเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ ทั้งยังต้องสืบให้ได้ว่าควรทำยังไงจึงจะเปลี่ยนเวลานี้ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง กระนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง และพวกเขาก็หยุดคิดเฉยๆไม่ได้ด้วย

Back to the Future (1985) เจาะเวลาหาอดีต

Back to the Future (1985) | เจาะเวลาหาอดีต
Director: Robert Zemeckis
Genres: Adventure | Comedy | Sci-Fi
Grade: S

"ขอรับประกันว่าถ้าพูดถึงหนังไซไฟสักเรื่องที่เกี่ยวกับเวลาต้องมี Back to the Future ติดโผล่ในอันดับหนังที่อยากแนะนำอย่างแน่นอน"

เรื่องได้เกิดขึ้นในปี 1985 กับหนุ่มมาร์ตี้ แมคฟลาย (Michael J. Fox) ที่มีชีวิตครอบครัวอันตกต่ำเพราะถูกกดดันจากบีฟ เทนเนนท์ (Thomas F. Wilson) ผู้เป็นหัวหน้างานเจ้าบงการให้จอร์จ แมคฟลาย (Crispin Glover) พ่อของเขาทำงานให้แทน ซึ่งนั้นกลายเป็นปัญหาสุดหน่ายของมาร์ตี้ที่น่าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ทว่าเหมือนเรื่องราวกำลังจะเปลี่ยนไปจากการรู้จักดร.เอ็มเมท บราวน์ (Christopher Lloyd) นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง ผู้สามารถค้นคิดประดิษฐ์อุปกรณ์ทดลองต่างๆมากๆไม่ต่างกับของเล่น แต่วันนี้ได้อุปกรณ์ชิ้นใหม่ที่ไม่เหมือนอย่างเคยเพราะสิ่งนั้นคือไทม์แมชชีน เป็นยานเจาะเวลาที่สร้างขึ้นมาจากรถยนต์ธรรมดาคันหนึ่งที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานอะตอมนิวเคลียร์ โดยคืนนี้จะมีการทดลองใช้รถข้ามเวลานี้ว่าสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ ทว่าหลังจากผ่านการทดลองไปได้ด้วยดีก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้าจนเป็นเหตุบังเอิญทำให้มาร์ตี้เจาะเวลาข้ามไปอดีตอย่างไม่ทันตั้งใจ และเวลาที่มาร์ตี้ย้อนกลับไปคือ 30 ปีก่อน เป็นปี 1955 นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่เขายังไม่เกิดแน่ๆ ซึ่งรวมถึงพ่อกับแม่ (Lea Thompson) ของเขายังไม่รักกันด้วย ซึ่งปัญหามันอยู่หลังจากนี้ที่ว่าเขาจะกลับบ้านยังไงในเมื่อพลังงานหมด

Basket Case 3 (1991) มันแอบอยู่ในตระกร้า 3

Basket Case 3 (1991) | มันแอบอยู่ในตระกร้า 3
Director: Frank Henenlotter
Genres: Comedy | Horror
Grade: C+

กลับมาต่อเนื่องหลังจากภาคที่แล้ว ดเวน (Kevin Van Hentenryck) เกิดสติแตกที่ต้องผิดหวังในความรักเพราะคิดว่าคนที่ตัวเองรักคือคนปกติเหมือนเขา แต่กลายเป็นว่าไม่ต่างกับตัวประหลาดที่มีร่างกายไม่เหมือนคนปกติ ทำให้เขารู้สึกเคว้างคว้างจนต้องทำร้ายคาร์ไลล์ พี่ชายหรือแฝดที่เกิดมาตัวติดกัน แต่ต่างกันที่ไม่มีร่างกายสมประกอบ มีเพียงแขนและหน้าตาที่รวมเป็นก้อนไม่ต่างจากชิ้นเนื้อชิ้นหนึ่ง

Basket Case 2 (1990) มันแอบอยู่ในตระกร้า 2

Basket Case 2 (1990) | มันแอบอยู่ในตระกร้า 2
Director: Frank Henenlotter
Genres: Comedy | Horror
Grade: C+

ภาคต่อที่ทิ้งห่างจากภาคแรก 8 ปี แต่เล่าเรื่องต่อเนื่องติดกัน ทำให้นักแสดงอาจดูผิดหูผิดตาไปบ้างเล็กน้อย ซึ่งเรื่องจะพูดถึงหลังจากที่ ดเวน (Kevin Van Hentenryck) กับพี่ชายที่เป็นก้อนเนื้อมีชีวิตตกลงจากอาคาร จากตอนจบนั้นทำให้คิดว่าเป็นโศกนาฏกรรมด้วยการจบชีวิตทั้งคู่ ทว่าพวกเขากลับรอดมาได้ แล้วยังเป็นที่ตื่นตาของประชาชนจนเป็นที่ต้องการของสื่อที่อยากเจอตัวมากที่สุด อีกทั้งยังมีคดีเก่าฆ่าคนอีกด้วย

Basket Case (1982) มันแอบอยู่ในตะกร้า

Basket Case (1982) | มันแอบอยู่ในตะกร้า
Director: Frank Henenlotter
Genres: Comedy | Horror
Grade: B

"เพราะฉันนั้นคือเนื้องอก"

ภาพที่เห็นบางทีตัดสินใจบางเรื่องได้ไม่ตรงตามจริงเสมอไป อย่างหนังเรื่องนี้ที่ภายนอกคือหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง ไม่ได้ทำองค์ประกอบให้ดูดีหรือสมจริงสักเท่าไร บางฉากไม่เนียนแล้วดูเหมือนมือสมัครเล่นด้วยซ้ำ แต่ด้วยความคัลท์เนื้อเรื่องไม่เหมือนคนอื่นหรือหาเปรียบเทียบได้ยากจึงไม่ใช่หนังธรรมดาอย่างที่เห็นเสมอไป

Bad Boys for Life (2020) คู่หูขวางนรก ตลอดกาล

Bad Boys for Life (2020) | คู่หูขวางนรก ตลอดกาล
Director: Adil El Arbi, Bilall Fallah
Genres: Action | Comedy | Crime | Thriller
Grade: B+

ทิ้งห่างจากภาคก่อนนานตั้ง 17 ปี จะให้ระลึกถึง Bad Boys (1995) และ Bad Boys II (2003) คงจำความรู้สึกที่มีตอนนั้นไม่ได้ แน่นอนที่สุดคือหนังแอ็คชั่นคู่หูตำรวจผิวสีที่ดุเดือดและมันส์มาก โดยเฉพาะการต่อคำพูดและวิธีการที่ไม่เกรงใจในวิชาชีพตำรวจสมกับ Bad Boy

Poltergeist (1982) ผีหลอกวิญญาณหลอน

Poltergeist (1982) | ผีหลอกวิญญาณหลอน
Director: Tobe Hooper
Genres: Horror | Thriller
Grade: A

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

"ว่ากันว่าเป็นหนังต้องคำสาปที่คร่าชีวิตและการงานจนไม่เหลืออะไรเลยนอกจากหนังเรื่องนี้"

เหตุที่ต้องประเดิมแบบนั้นเพราะมีเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นกับคนที่มีส่วนในหนังเรื่องนี้จนในเวลาต่อมาไม่มีใครรุ่งสักคนแม้เสียงวิจารณ์เรื่องนี้จะดีมากแค่ไหนก็ตามแต่ก็พบว่าทั้งนักแสดงและผู้กำกับก็ล้วนมีช่วงชีวิตที่ดิ่งลงจนถึงขั้นจบชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งนี้กว่าเหตุการณ์ร้ายๆจะเกิดขึ้นจนหลายคนเรียกว่าอาถรรพ์นั้นก็ทำให้ Poltergeist ถูกสร้างครบไตรภาคก่อนจะลงเอยด้วยการถูกลืมเลือนยกเว้นภาคแรกที่ดีที่สุดและเป็นที่น่าจดจำฐานะหนังสยองขวัญที่เป็นแบบอย่างที่ดีแต่ยังคงเป็นหนังคำสาปแห่งวงการฮอลลีวู้ดไม่เคยเปลี่ยนแปลง โดยเรื่องราวก่อนจะมาเป็นหนังเรื่องนี้มาจากความริเริ่มของ Steven Spielberg ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นที่มีครอบครัวหนึ่งถูกวิญญาณร้ายตามหลอกหลอนและเล่นงานพวกเขาอยู่ จึงได้นำพล็อตนี้มาดัดแปลงเป็นบทหนังซึ่งผลคือครอบครัวนั้นไม่พอใจอย่างมากและขอให้เลิกทำแบบนั้นแต่กลายเป็นว่ายังคงทำต่อไปจนสร้างเรื่องนี้ออกมาสำเร็จ สิ่งนี้ทำให้ครอบครัวดังกล่าวไม่พอใจอย่างรุนแรงเพื่อเกรงกลัวต่อวิญญาณที่คุกคามจะไม่พอใจและดุร้ายมากขึ้น จึงเกิดการสาปส่งกับผู้มีเอี่ยวในเรื่องนี้จนกระทั่งกลายเป็นผลลัพธ์อันน่าสะพรึงกลัวทั้งนักแสดง ผู้กำกับ ที่ต่างมีชะตากรรมอันไม่น่าเป็นไปได้แม้หลายคนจะไม่เชื่อเพราะคิดว่าเป็นเหตุบังเอิญก็ตามที ในที่นี่ขอยกตัวอย่างผู้กำกับ Tobe Hooper ที่สร้างหนังในระดับมาสเตอร์เป็นที่น่าจดจำที่ไม่ใช่แค่เรื่องนี้แต่ยังรวมถึง The Texas Chain Saw Massacre (1974) ฆาตกรหน้ากากหนังมนุษย์นามเลเทอร์เฟซ ผู้มีเอกลักษณ์ทางรูปลักษณ์และอาวุธอย่างเลื้อยไฟฟ้าที่สร้างความเขย่าขวัญมามากนักต่อนัก ด้วยความสามารถในทางแนวสยองขวัญทำให้เราได้เห็นมุมมองที่น่าทึ่งหลายอย่าง ทว่าหลังจากเรื่องนี้ที่ประสบความสำเร็จก็ไม่อาจสร้างหนังดีๆที่น่าจดจำได้อีกเลย นี้อาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผลงานแรกๆมักออกมาดีแต่การไม่มีหนังที่น่าจดจำอีกเลยกับการงานที่ไม่รุ่งโรจน์อาจไม่ใช่เหตุบังเอิญก็เป็นได้

Rambo: Last Blood (2019) แรมโบ้ 5 นักรบคนสุดท้าย

Rambo: Last Blood (2019) | แรมโบ้ 5 นักรบคนสุดท้าย
Director: Adrian Grunberg
Genres: Action | Thriller
Grade: C+

การจะเค้นตัวละคร"จอห์น แรมโบ้"ให้กลับมาอีกครั้งในภาค 5 หลังจากทิ้งห่างจากภาค Rambo (2008) ก็นับว่านานถึง 11 ปี และทุกอย่างดูลงตัวได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นภาคต่อนี้จึงแทบไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ด้วยชื่อเสียงหรืออะไรตามแต่ สุดท้าย Sylvester Stallone ต้องกลับมารับบทนี้อีกครั้ง โดยเรื่องราวมีความแตกต่างจากทุกภาค เพราะนี้คือชีวิตหลังเกษียณที่ไม่มีใครหรือหน่วยงานหรือกองทัพใดเรียกหาอีกต่อไป

Carrie (1976) แครี่ สาวสยอง

Carrie (1976) | แครี่ สาวสยอง
Director: Brian De Palma
Genres: Horror| Mystery
Grade: A-
 
"เด็กมีปัญหาไม่ใช่เพราะตัวเด็ก แต่มาจากสิ่งรอบข้างที่ทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองคือแกะดำที่กลายเป็นอสุรกายได้" 
 
ดัดแปลงมาจากนิยายของ Stephen King หรือราชาเขย่าขวัญที่เขียนหนังสือสะท้อนความหวาดกลัวจากใจมนุษย์ในแบบไม่ซับซ้อนแต่เกินคาดเดากับด้านมืดในใจที่อยู่นอกเหนือสิ่งเหนือธรรมชาติ และนี้ก็เป็นหนังเรื่องแรกที่ดัดแปลงมาจากหนังสือของเขาก่อนภายหลังจะมีการดัดแปลงมาเป็นหนังยาวเป็นหางว่าว แต่ถ้าพูดถึงงานที่มีคุณภาพน่าจับตามองจริงๆต้องเริ่มที่เรื่องนี้ที่ดัดแปลงออกมาเป็นหนังได้อย่างแยบยลและไม่น่าเบื่อแถมยังทรงพลังอีกต่างหาก และเรื่องของเรื่องก็มาจากจุดเริ่มต้นของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ท่าทางขี้กลัว อ่อนแอ และไร้เดียงสาต่อโลกภายนอกราวกับคนที่ถูกมองข้ามเสมอและยังเป็นตัวตลกในสายเพื่อนๆอย่างปฏิเสธไม่ได้ และเธอคนนั้นชื่อแครี่ ไวท์ (Sissy Spacek) ที่ถูกกีดกั้นจากทุกสิ่งจากมาร์กาเรต (Piper Laurie) แม่ที่คลั่งศาสนาจนมองสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบาปไปเสียเกือบหมด ซึ่งแม่ของแครี่คือต้นเหตุในหลายๆเรื่องที่ไม่ยอมบอกอะไรเลยและวันๆก็ทรมานลูกให้ท่องสวดมนต์ในห้องแคบเชิงการสารภาพบาป แต่แล้วเมื่อเวลานั้นมาถึงก็กลายเป็นเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นกับตัวแครี่เมื่อระหว่างอาบน้ำหลังเล่นบอลเลย์เสร็จก็เกิดประจำเดือนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ที่สำคัญคือมันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้หญิงทั่วไป ทว่ากับแครี่นั้นไม่รู้ว่าอะไรคือประจำเดือนมาก่อนเนื่องจากแม่ของเธอไม่เคยบอกถึงมาก่อนเพราะเรื่องแบบนี้คิดว่าคนในครอบครัวคงรู้กันอยู่แล้วเมื่อลูกโตเป็นสาว กระนั้นกับครอบครัวไวท์ที่มีเพียงแม่กับลูกสาวดูจะไม่ใช่แบบนั้นเลยเมื่อคนที่เป็นแม่ดันบ้าศาสนาเข้าเส้นจนมองว่าการมีประจำเดือนคือบาปที่ทำให้ลูกสาวกลายเป็นเหยื่อของบรรดาผู้ชาย นี่จึงเป็นต้นเหตุที่ว่าแครี่เริ่มถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมากขึ้นและยังโดนกลั่นแกล้งจากเพื่อนเสมอเพราะเธอคือตัวประหลาด แต่แครี่ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปเมื่อเธอเริ่มจะมีพลังจิตและจะแสดงออกมาเมื่ออารมณ์ของเธอแปรปรวน เมื่อไรที่คุมอารมณ์ไม่อยู่ก็เมื่อนั้นคงถึงคราวระบายอารมณ์ไม่เลิกรา

Coma (1978) โคม่า ธนาคารคนดิบ

Coma (1978) | โคม่า ธนาคารคนดิบ
Director: Michael Crichton
Genres: Drama | Horror | Mystery | Thriller
Grade: B+

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

ดร.ซูซาน วีลเลอร์ (Genevieve Bujold) แพทย์สาวที่บังเอิญพบข้อสงสัยบางอย่างในโรงพยาบาลของเธอ หลังพบว่ามีผู้ป่วยที่มีอาการโคม่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและผิดปกติ ซึ่งเธอไม่อาจหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ เนื่องจากทุกรายล้วนมาด้วยสาเหตุและวิธีรักษาที่แตกต่างกัน แทบไม่มีประเด็นไหนหรือจุดเชื่อมโยงเข้าหากัน ทว่าความสงสัยนี้ทำให้ไม่ละทิ้งหาความจริง แล้วนั่นนำสู่เรื่องราวที่คาดไม่ถึง

Kingdom (TV Series 2019 - ) ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด Season 1

Kingdom (TV Series 2019 - ) | ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด | Season 1 | A- 
Genres: Action | Drama | History | Horror | Thriller

ซอมบี้กลายเป็นสิ่งที่โผล่ได้ทุกยุคทุกสมัย ร่วมไปถึงทุกเชื้อชาติอีกด้วย แม้จะแปลกตาอยู่บ้างก็คงหาสิ่งที่สมเหตุสมผลไม่ได้อยู่แล้ว สำหรับสาเหตุการเกิดซอมบี้นั้นไม่ได้มาจากไวรัสหรือพิธีกรรมแต่อย่างใด หากเป็นสมุนไพรที่นำมาปรุงแต่งใช้ทางการแพทย์ ทว่าไม่ได้ใช้กับคนเป็นที่มีชีวิต แต่กลับใช้กับคนตายเพื่อรักษาผลประโยชน์ ซึ่งเกี่ยวโยงไปถึงการแย่งชิงบัลลังก์

Jumanji: The Next Level (2019) เกมดูดโลก ตะลุยด่านมหัศจรรย์

Jumanji: The Next Level (2019) | เกมดูดโลก ตะลุยด่านมหัศจรรย์
Director: Jake Kasdan
Genres: Action | Adventure | Comedy | Fantasy
Grade: B+

ความบันเทิงที่ได้ใน Jumanji: Welcome to the Jungle (2017) คือความสนุกที่ส่งตรงถึงผู้ชมได้อย่างถึงอารมณ์ มีการจำลองเกม ตัวละคร และรูปแบบต่างๆที่เข้ากับยุคสมัย ทำให้ Jumanji (1995) ที่ทำเอาไว้ในภาคแรกได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งในรอบ 27 ปี แล้วเมื่อความสำเร็จทุกอย่างพร้อมใจก็ไม่ลังเลทำภาคต่อ ซึ่งแน่นอนยังสนุกและประทับใจเช่นเคย

Drive (2011) ขับดิบ ขับเดือด ขับดุ

Drive (2011)
ขับดิบ ขับเดือด ขับดุ
Director: Nicolas Winding Refn
Genres: Action | Drama

Drive คือนักขับ เราไม่รู้หรอกว่าชื่อตัวตนที่แท้จริงของเขาคือใครนอกจากการทำสิ่งเป็นคือคนขับรถ(Ryan Gosling)ด้วยชีวิตคาบกลางวันมีหน้าที่เป็นสตั้นแมนในฉากขับรถให้สภาพออกมาสมบูรณ์ งานนี้คงอันตรายอย่างมากจนบางคนไม่มีกะจิตกะใจพอจะกล้า สำหรับชายผู้นี้ยังคิดว่าเป็นงานเบื่อหน่ายที่หมดสภาพของความตื่นเต้นใดๆ ฉะนั้นยามกลางคืนเขาจะทำงานพิเศษเป็นคนขับรถให้กับโจรเพื่อใช้ในการหลบหนี บางทีการหนีตำรวจเป็นงานระทึกเร้าใจของเขามากกว่า ด้วยอารมณ์นิ่งสงบมีคำตอบเดียวคือเราไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรบ้าง ที่เห็นนอกจากความนิ่งกับสมาธิแล้วเราไม่รู้อะไรเลย ขนาดตกในสถานการณ์อันตรายยังคงฝีมือเอาตัวรอดได้อย่างเชี่ยวชาญด้วยความใจเย็น สิ่งเหล่านี้ยังทำให้เขาสงบอยู่ได้แต่ไม่เท่าการได้พบผู้หญิงคนหนึ่งข้างห้องที่สายตาและใจของเขาเกิดสะดุดขึ้นมากับไอรีน(Carey Mulligan)

เพราะทั้งชีวิตเป็นไปไม่ได้มากกว่าคนขับรถจึงมีชีวิตไปวันๆกับความเบื่อหน่ายที่ซิ่งจนชินและชา เมื่อพบไอรีนหญิงสาวแสนดีที่อาศัยอยู่ห้องข้างๆพร้อมลูกชายวัยกำลังซน ทั้งคู่เริ่มมีปมเล็กๆถูกชะตากันในทันที และต่างใช้ชีวิตในช่วงระยะสั้นๆใกล้สนิทกันจนต่างรู้ใจของกันมากพอ จนกระทั่งสแตนดาร์ด(Oscar Isaac)สามีของไอดีนพ้นโทษจากคุกออกมา นั้นทำให้เขาต้องถอยห่างออกจากชีวิตไอรีนเพื่อเว้นระยะห่างที่ควรเป็นเอาไว้ แต่แล้วปัญหาจากเรื่องราวของคุกทำให้สแตนดาร์ดต้องส่งผลร้ายแรง เพราะไม่ได้จ่ายค่าคุ้มครองครบถ้วน เลยต้องกลับมาสู่หนทางของโจรอาชญากรรมอีกครั้งเพื่อใช้หนี้ ซึ่งถ้าเขาไม่ทำครอบครัวเขาจะต้องตกอยู่ในอันตรายจากแก็งค์มาเฟีย ด้วยเหตุนี้หนุ่มขับรถต้องขอยื่นมือเข้ามาช่วยร่วมวงการปล้นครั้งนี้ ก่อนจะพบว่ามีเบื้องหลังมากกว่าครั้งที่ผ่านมาที่เป็นการแสแสร้งจากใครบางคนให้ต้องทำ และนั้นทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องตกที่นั่งลำบากจากอันตราย
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)