แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Sci-Fi แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Sci-Fi แสดงบทความทั้งหมด

Godzilla: The Planet Eater (2018) ก็อดซิลล่า จอมเขมือบโลก

Godzilla: The Planet Eater (2018) | ก็อดซิลล่า จอมเขมือบโลก | C+
Director: Hiroyuki Seshita, Kôbun Shizuno
Genres: Animation | Action | Adventure | Sci-Fi

กว่าดูจบครบไตรภาคต้องใช้เวลานานพอสมควร ไม่ใช่ระยะเวลาการเล่าเรื่อง แต่เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่สามารถดูต่อเนื่องทีเดียวเพราะสไตล์เรื่องค่อยเป็นค่อยไปจนรู้สึกเหน็ดเหนื่อย จึงเป็นเหตุให้ลืมดูภาคนี้หลังจากอดทนกับสองภาคแรก ทำให้พลาดบางอย่างที่น่าสนใจ แม้จะชอบบ้างไม่ชอบบ้างก็ตามที

Godzilla: City on the Edge of Battle (2018) ก็อดซิลล่า สงครามใกล้ปะทุ

Godzilla: City on the Edge of Battle (2018) | ก็อดซิลล่า สงครามใกล้ปะทุ | B
Director: Hiroyuki Seshita, Kôbun Shizuno
Genres: Animation | Action | Adventure | Sci-Fi

ต่อเนื่องจากภาค Godzilla: Planet of the Monsters (2017) ที่ดูเหมือนว่าก็อดซิลล่าที่เคยรู้จักไม่ได้มีขนาดและพละกำลังอย่างที่ตัวเองเห็นมาก่อนอีกต่อไป ไม่ว่าจะขนาดที่มหึมาหลายเท่าและพลังที่ทำลายทุกอย่างได้ราบเป็นหน้ากองในทีเดียว ความน่ากลัวได้ยกระดับจากพลังและขนาดจนไม่น่ามีสิ่งใดต่อกรได้ ซึ่งนั้นคือตอนจบอันแสนสิ้นหวังในภาคแรก

Godzilla: Planet of the Monsters (2017) ก็อดซิลล่า ดาวเคราะห์แห่งสัตว์ประหลาด

Godzilla: Planet of the Monsters (2017) | ก็อดซิลล่า ดาวเคราะห์แห่งสัตว์ประหลาด | B-
Directors: Hiroyuki Seshita, Kôbun Shizuno
Genres: Animation | Action | Adventure | Sci-Fi

เรื่องราวอีกมุมหนึ่งของก็อดซิลล่าที่เหมือนตัวร้าย มีหน้าที่ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า โดยเฉพาะสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งหมด ไม่มีสิ่งใดต่อกรหรือสยบก็อดซิลล่าได้ ไม่เว้นชาวนอกโลกหรือมนุษย์ต่างดาวที่มีข้อตกลงกับมนุษย์ร่วมกันจัดการก็อดซิลล่าเพื่อแลกกับการได้อยู่อาศัยบนโลก สิ่งสุดท้ายที่ทำได้คือหนีออกจากโลกเพื่อหาดาวดวงใหม่ที่ไม่มีก็อดซิลล่าอีกต่อไป ทว่าก็มิอาจปฏิเสธได้ว่าโลกคือที่มนุษย์เป็นเจ้าของ

Godzilla vs. Kong (2021) ก็อดซิลล่า ปะทะ คอง

Godzilla vs. Kong (2021) | ก็อดซิลล่า ปะทะ คอง | B+
Director: Adam Wingard
Genres: Action | Sci-Fi | Thriller

ดูผลงานที่ผ่านมาของผู้กำกับ Adam Wingard มีเพียงหนังสยองขวัญเป็นงานหลัก ได้แก่ You're Next (2011), V/H/S (2012), V/H/S/2 (2013), The Guest (2014), Blair Witch (2016) และ Death Note (2017) ซึ่งก็อดซิลล่าสามารถกลายเป็นหนังสยองขวัญได้ไหม แน่นอนว่าทำได้ ดั้งเดิมก็เป็นเช่นนั้นตั้งแต่ต้นฉบับ 1954 เพียงเป็นมุมสยองขวัญชวนสะเทือนใจซะมากกว่า

Awake (2021) ดับฝันวันสิ้นโลก

Awake (2021) | ดับฝันวันสิ้นโลก | C-
Director: Mark Raso
Genres: Action | Adventure | Drama | Sci-Fi | Thriller

สิ่งที่น่าสนใจมักเป็นสิ่งที่น่าดูหรือจับต้อง กรณีเดียวกับหนังเรื่องนี้ที่นำเสนอพล็อตการนอนหลับที่ไม่สามารถทำได้ เมื่อจู่ๆทุกคนอยู่ในสภาวะตื่นตลอดเวลา ไม่สามารถนอนหลับหรืองีบหรือหมดสติได้เลย ซึ่งนั้นเป็นปัญหาตรงที่นอนไม่ได้เท่ากับร่างกายไม่ได้พักผ่อน จากนั้นทุกคนจะเสียสติแล้วตายในท้ายที่สุด ปรากฏการณ์นี้เกิดจากอะไรและจะรอดจากวิกฤติครั้งนี้ได้หรือไม่

Oxygen (2021) ออกซิเจน

Oxygen (2021) | ออกซิเจน | B+
Director: Alexandre Aja
Genres: Drama | Fantasy | Sci-Fi | Thriller

ความไม่รู้เป็นความน่ากลัวประเภทหนึ่ง ไม่รู้จะเจอกับอะไรแล้วยังไงต่อ ทำอะไรต่อดี อธิบายไม่ได้เพราะไม่รู้คือไม่รู้ จากผู้หญิงคนหนึ่ง (Mélanie Laurent) ที่ตื่นขึ้นมาคนเดียว ไม่รู้คือที่ไหน ทำไมมาอยู่ที่นี้ได้ ไม่รู้ไม่สามารถหาที่มาที่ไปได้เลยสักอย่าง สิ่งที่เป็นเพื่อนได้คือโปรแกรมโต้ตอบคำถามที่ไม่รู้ว่าดีหรือมาร้ายกันแน่ แต่เหนือกว่าความไม่รู้ที่ค่อยๆทบทวนอยู่นั้นคือออกซิเจนที่กำลังหมดลง หากยังบอกไม่ได้ว่าตัวเองคือใครแล้วมาอยู่ที่แห่งนี้ได้อย่างไร ไม่ต่างกับการตื่นมาเพื่อรับความตาย

Zack Snyder's Justice League (2021)

Zack Snyder's Justice League (2021) | A
Director: Zack Snyder
Genres: Action | Adventure | Fantasy | Sci-Fi

เป็นการรอคอยที่คุ้มค่าอยู่นะ เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นใน Justice League (2017) เป็นงานที่ไม่กล้าปล่อยอะไรมาก ทุกอย่างถูกกักบริเวณจนเกิดข้อสงสัยมากมาย เป็นแบบนี้จริงเหรอ ใช่แบบนี้แน่นะ ทำไมถึงเลือกแบบนั้น แล้วสุดท้ายเป็นหนังเกรดต่ำเพราะความคาดหวังที่สูงจากหลายคน ทั้งๆที่ความสนุกพอมีอยู่บ้างนิดหน่อย(ให้กำลังใจ)

Army of the Dead (2021) แผนปล้นซอมบี้เดือด

Army of the Dead (2021) | แผนปล้นซอมบี้เดือด
Director: Zack Snyder
Genres: Action | Crime | Horror | Sci-Fi | Thriller
Grade: B

Dawn of the Dead (2004) คือหนังรีเมคที่ผู้กำกับ Zack Snyder ทำเอาไว้ได้สนุกและเป็นซอมบี้ตามทันยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความดุดัน ซึ่งเชื่อมั่นว่า Army of the Dead (2021) จะต้องออกมาเร้าใจเป็นแน่แท้ แต่กลายเป็นว่าความคาดหวังในจุดนั้นไม่อาจนำมาเทียบได้เลย โดยเฉพาะตัวละครที่มาพร้อมกับมิติแสนบอบบางและเนื้อเรื่องชวนธรรมดา

Timecop (1994) ตำรวจเหล็กล่าพลิกมิติ

Timecop (1994) | ตำรวจเหล็กล่าพลิกมิติ
Director: Peter Hyams
Genres: Action | Crime | Sci-Fi | Thriller
Grade: C+

เห็น Jean-Claude Van Damme เล่นบทบู๊มาตั้งเยอะ ความสดใหม่หรือแปลกไปจากหนังประเภทอื่นไม่ค่อยมี ยกเว้นเรื่องนี้ที่พอมีความแตกต่างอยู่บ้าง โดยเกี่ยวกับเดินทางข้ามเวลา(แม้เอาเข้าจริงเป็นหนังขายแอ็คชั่นเหมือนเดิม) ซึ่งความเป็นหนังไซไฟนี้เองทำให้หนังเก็บรายได้อย่างงดงามที่ $101 ล้านทั้งที่ทุนสร้างเพียง $27 ล้านเท่านั้น

Project Power (2020) โปรเจคท์ พาวเวอร์ พลังลับพลังฮีโร่

Project Power (2020) | โปรเจคท์ พาวเวอร์ พลังลับพลังฮีโร่
Directors: Henry Joost, Ariel Schulman
Genres: Action | Crime | Sci-Fi | Thriller
Grade: B-

หนังที่ผสมไอเดียระหว่างยาเสพติดกับพลังเหนือมนุษย์ เพื่อตอบโจทย์ให้ทันยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยหนังซูเปอร์ฮีโร่หรือคนที่มีพลังพิเศษ ขณะที่หนังแนวตำรวจตามจับคนร้ายที่มียาเสพติดดูเก่าและธรรมดาไปเสียแล้ว ดังนั้นจึงเกิดพล็อตยาที่มอบพลังให้ผู้กินเป็นเวลา 5 นาที โดยพลังจะเป็นยังไงแล้วแต่คนนั้น

Code 8 (2019) ล่าคนโคตรพลัง

Code 8 (2019) | ล่าคนโคตรพลัง
Directors: Jeff Chan
Genres: Action | Crime | Drama | Sci-Fi | Thriller
Grade: B

บางทีการให้ข้อมูลที่มากเกินไปทำให้ไม่เหลือสิ่งที่อยากรู้ เพราะฉากเปิดเรื่องได้เล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ตั้งแต่การเกิดมนุษย์กลายพันธุ์มีพลังพิเศษ การใช้พลังผสานเข้ากับอาชีพทำกิน การควบคุมพลังพิเศษด้วยใบอนุญาต ยุคสมัยของเครื่องจักรทำงานแทนคน และอื่นๆที่ตรงกับความเป็นจริง แค่เปลี่ยนจากคนมีทักษะมาเป็นคนมีพลังพิเศษ

Ao oni ver. 2.0 (2015)

Ao oni ver. 2.0 (2015)
Director: Hideaki Maekawa
Genres: Sci-Fi | Thriller
Grade: C+

ภาคแรกไม่ได้ทำไว้ดีสักเท่าไร อาศัยว่าหนังยาวแค่ชั่วโมงเดียว ทำให้การทำเวลาค่อนข้างเร็วและต่อเนื่อง แต่เสียเรื่องปมตัวละครที่วางไว้จืดจางไปหน่อย ดังนั้นภาคต่อจึงทำการแก้ไขจุดนั้นด้วยการเติมความสัมพันธ์ของตัวละครให้ซาบซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมกับอัพเดทแพทช์ให้มีความท้าทายยิ่งกว่าเก่า

Ao oni (2014)

Ao oni (2014)
Director: Daisuke Kobayashi
Genres: Horror | Sci-Fi
Grade: C

เคยได้ยินชื่อเสียงทางด้านเกมจนต้องไปดูที่เขาเล่นกันว่าน่ากลัวแค่ไหน ซึ่งรูปแบบเกมไม่มีอะไรมาก ให้เดินสำรวจพร้อมกับไขปริศนาตามจุดต่างๆ แต่ระหว่างที่เดินต้องระแวงระวังปีศาจสีน้ำเงินตัวใหญ่ (ค่อนไปทางม่วง) ที่โผล่ออกมาตอนไหนก็ได้ ถ้าเจอตัวเมื่อไรจะตามติดเป็นตังเม วิธีรอดคือต้องหนีสถานเดียว แน่นอนว่าเกมไม่ได้แปลกพิสดาร แต่อยู่ที่ความน่ากลัวที่ไม่รู้จะต้องหนีตอนไหนและไปไหนต่อ

The Invisible Man (2020) มนุษย์ล่องหน

The Invisible Man (2020) | มนุษย์ล่องหน
Director: Leigh Whannell
Genres: Horror | Mystery | Sci-Fi | Thriller
Grade: B+

หนังมนุษย์ล่องหนที่ตัวเองรู้จักไม่ใช่ชื่อเดียวกันที่สร้างเมื่อปี 1933 แต่เป็น Hollow Man ในปี 2000 โดยเฉพาะฉากการปรับสภาพร่างกายให้โปร่งใสขึ้นทีละนิด มีการแสดงถึงสภาพผิวหนังที่ค่อยๆหายไป จากนั้นแสดงกล้ามเนื้อและเส้นเลือดตามร่างกาย อวัยวะภายใน ไล่ระดับไปเรื่อยๆจนถึงกระดูก จากสิ่งที่เห็นไม่ต่างกับการเรียนวิชา Anatomy นับเป็นฉากที่น่ากลัวและน่าอัศจรรย์ในเวลานั้นเลยก็ว่าได้

Sonic the Hedgehog (2020) โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก

Sonic the Hedgehog (2020) | โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก
Director: Jeff Fowler
Genres: Action | Adventure | Comedy | Sci-Fi
Grade: B-

ในส่วนของเกมนั้นเล่นบ้างเป็นบางภาค ไม่ได้ติดตามเป็นจริงเป็นจังเท่าไรนัก แต่ทุกครั้งที่ได้เล่นล้วนสร้างความสนุกและฝึกสมองไม่ใช่น้อย ซึ่งการสร้างเป็นหนังนั้นในตอนแรกยังลุ้นอยู่ว่าจะออกมาลักษณะไหน จนกระทั่งตัวอย่างแรกได้ปล่อยมาพร้อมกับความผิดหวังมหาศาลของแฟนๆทั่วโลก โดยเฉพาะหน้าตาโซนิคที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์มากเกินไป ทำเอาทีมงานต้องกลับไปแก้ไขกันยกใหญ่ก่อนจะได้คำชมที่เหมือนกับต้นฉบับ

Mosquito (1994) ยุงมรณะ

Mosquito (1994) | ยุงมรณะ
Director: Gary Jones
Genres: Horror | Sci-Fi
Grade: C

ยุงคือสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่สร้างความรำคาญและโรคแก่มนุษย์อยู่เสมอ จัดการเท่าไรก็ไม่หมดไปจากโลก สิ่งที่ทำได้คือการป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกยุงกัด หรือช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้เกิดน้ำขัง ไม่เช่นนั้นยุงจะวางไข่สร้างลูกสร้างหลานอีกนับไม่ถ้วน แต่จะเป็นยังไงหากยุงไม่ได้ตัวเล็กอีกต่อไป เมื่อยุงได้กลายพันธุ์มีขนาดใหญ่ขึ้นหลายร้อยเท่า

Underwater (2020) มฤตยูใต้สมุทร

Underwater (2020) | มฤตยูใต้สมุทร
Director: William Eubank
Genres: Adventure | Horror | Sci-Fi | Thriller
Grade: B-

"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

เปิดเรื่องเห็น Kristen Stewart แปรงฟันหน้ากระจกไม่กี่นาที หลังจากนั้นเกิดระเบิดตู้มต้ามประหนึ่งหนังแอ็คชั่นที่ดูมันส์มากกว่าลุ้นเอาตัวรอด (จังหวะในตอนนั้นใช้มุมกล้องสั่นและรัวๆด้วยระเบิด) ต่อมารวบรวมคนที่ยังเหลือรอดเพื่อหาทางออกจากสถานีขุดเจาะใต้มหาสมุทร แต่แล้วต้องพบว่ามีบางสิ่งต้องการเอาชีวิตพวกเขา

Back to the Future Part III (1990) เจาะเวลาหาอดีต ภาค 3

Back to the Future Part III (1990) | เจาะเวลาหาอดีต ภาค 3
Director: Robert Zemeckis
Genres: Adventure | Comedy | Sci-Fi | Western
Grade: A

ในหมู่หนังไตรภาคทั้งหลายตั้งแต่สัมผัสรับชมมา ไม่มีหนังเรื่องไหนจะทำให้รู้สึกต่อเนื่องจนหยิบทั้งสามภาคมาชมติดๆกันได้ขนาดนี้เลย อารมณ์ประมาณว่าจบภาคแรกต้องต่อสองแต่พอจบสองมันต้องอีกสาม

Back to the Future Part II (1989) เจาะเวลาหาอดีต ภาค 2

Back to the Future Part II (1989) | เจาะเวลาหาอดีต ภาค 2
Director: Robert Zemeckis
Genres: Adventure | Comedy | Sci-Fi
Grade: A

ภาคแรกจบไปซะแบบนั้นแล้วจะไม่ให้มีภาคต่อคงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อลงทุนไป 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐแต่ได้กำไรมาถึง 381 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันจริงตั้งใจทำเป็นไตรภาคเดินเรื่องรวดเดียวแบบไม่ต้องพักต่างหาก นี่สิถึงจะมันส์ขนาดแท้ กลับมาเข้าที่เนื้อเรื่องที่สานต่อจากตอนจบภาคแรกที่ว่าด้วยดร.เอ็มเมท บราวน์ (Christopher Lloyd) ใช้รถเจาะเวลาไปอนาคตในปี 2015 ก่อนจะกลับมาในปี 1985 อีกครั้งเพื่อมาบอกมาร์ตี้ (Michael J. Fox) เรื่องลูกในอนาคตที่กำลังจะพบปัญหาชิ้นใหญ่ที่จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตไป ทำให้งานนี้ทั้งด็อกทั้งมาร์ตี้ต้องเดินทางไปอีก 30 ปีข้างหน้าเพื่อไปแก้ไขปัญหานี้ให้จบลงด้วยดี ทำให้การผจญภัยครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทว่าปัญหาของการไปอนาคตครั้งนี้ได้ส่งผลไปยังอดีตจนผิดเพี้ยนไปจากเดิมอย่างมหาศาลเมื่อด็อกกับมาร์ตี้ได้ย้อนกลับมาเวลาเดิมในปี 1985 แล้วพบว่าทุกอย่างผิดปกติไปหมดทั้งบ้านเมืองที่ตอนนี้ถูกคุกคามจากเหล่าอาชญากรรมจนไร้วี่แววของความสงบสุข โรงเรียนแหล่งความรู้ถูกทำลาย สังคมมีความป่าเถื่อน แต่เพราะอะไรแม้แต่ด็อกยังแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยสักนิดเดียว จะมีเบาะแสอยู่อย่างคือผู้นำแห่งโลกความรุนแรงนี้คือบีฟ เทนเนนท์ (Thomas F. Wilson) แล้วทำไมเขาคนนี้ถึงกลายเป็นผู้นำที่มีอำนาจรวยล้นฟ้าได้ทั้งที่หลังจากกลับมาจากอดีตพร้อมแก้ไขปัญหาไปแล้วก่อนหน้านี้ยังเป็นคนใช้อยู่เลย จึงเป็นเหตุสงสัยที่ด็อกกับมาร์ตี้ต้องช่วยกันหาเบาะแสตัวการว่าทำไมเวลาถึงเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ ทั้งยังต้องสืบให้ได้ว่าควรทำยังไงจึงจะเปลี่ยนเวลานี้ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง กระนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง และพวกเขาก็หยุดคิดเฉยๆไม่ได้ด้วย

Back to the Future (1985) เจาะเวลาหาอดีต

Back to the Future (1985) | เจาะเวลาหาอดีต
Director: Robert Zemeckis
Genres: Adventure | Comedy | Sci-Fi
Grade: S

"ขอรับประกันว่าถ้าพูดถึงหนังไซไฟสักเรื่องที่เกี่ยวกับเวลาต้องมี Back to the Future ติดโผล่ในอันดับหนังที่อยากแนะนำอย่างแน่นอน"

เรื่องได้เกิดขึ้นในปี 1985 กับหนุ่มมาร์ตี้ แมคฟลาย (Michael J. Fox) ที่มีชีวิตครอบครัวอันตกต่ำเพราะถูกกดดันจากบีฟ เทนเนนท์ (Thomas F. Wilson) ผู้เป็นหัวหน้างานเจ้าบงการให้จอร์จ แมคฟลาย (Crispin Glover) พ่อของเขาทำงานให้แทน ซึ่งนั้นกลายเป็นปัญหาสุดหน่ายของมาร์ตี้ที่น่าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ทว่าเหมือนเรื่องราวกำลังจะเปลี่ยนไปจากการรู้จักดร.เอ็มเมท บราวน์ (Christopher Lloyd) นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง ผู้สามารถค้นคิดประดิษฐ์อุปกรณ์ทดลองต่างๆมากๆไม่ต่างกับของเล่น แต่วันนี้ได้อุปกรณ์ชิ้นใหม่ที่ไม่เหมือนอย่างเคยเพราะสิ่งนั้นคือไทม์แมชชีน เป็นยานเจาะเวลาที่สร้างขึ้นมาจากรถยนต์ธรรมดาคันหนึ่งที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานอะตอมนิวเคลียร์ โดยคืนนี้จะมีการทดลองใช้รถข้ามเวลานี้ว่าสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ ทว่าหลังจากผ่านการทดลองไปได้ด้วยดีก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้าจนเป็นเหตุบังเอิญทำให้มาร์ตี้เจาะเวลาข้ามไปอดีตอย่างไม่ทันตั้งใจ และเวลาที่มาร์ตี้ย้อนกลับไปคือ 30 ปีก่อน เป็นปี 1955 นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่เขายังไม่เกิดแน่ๆ ซึ่งรวมถึงพ่อกับแม่ (Lea Thompson) ของเขายังไม่รักกันด้วย ซึ่งปัญหามันอยู่หลังจากนี้ที่ว่าเขาจะกลับบ้านยังไงในเมื่อพลังงานหมด
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)