Battlefield Earth (2000) สงครามผลาญพันธุ์มนุษย์

Battlefield Earth (2000)
สงครามผลาญพันธุ์มนุษย์
Director: Roger Christian
Genres: Action | Adventure | Sci-Fi

ขอประเดิมก่อนว่าหนังเรื่องนี้โดนวิจารณ์เชิงติดลบด้วยความที่ว่าเป็นหนังไซไฟยอดแย่แห่งปี ซึ่งเป็นยังไงนั้นลองติดตามกันดูล่ะกัน เริ่มเรื่องราวสุดไกลโพ้นในปี 3000 ชาวมนุษย์โลกต้องกลับสภาพไปอาศัยอย่างยุคหินโบราณ ไม่มีความรู้ความสามารถใดเรื่องเทคโนโลยี ไม่มีแม้กระทั่งบ้านที่เป็นคอนกรีตปูนนอกจากอยู่ในถ้ำ การที่มนุษย์โลกกลายสภาพเป็นยุคหินนั้นมาจากการล้างเผ่าพันธุ์ของชาวไซโคล(Psychlo)ที่มาเยือนทำลายสิ่งมีชีวิตและยึดดาว ด้วยวิทยาการที่ล้ำหน้ากว่ามนุษย์ที่เหลือรอดจะถูกจับไปเป็นทาสรับใช้ในการขุดแร่ทองคำ ส่วนที่ยังไม่โดนจับก็ใช้ชีวิตไปวันๆเช่นมนุษย์โบราณ

หนังเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการนำนวนิยายขายดีของ L.Ron Hubbard มาสร้างเป็นหนังใช่ว่ามันจะดี ตอนเปิดตัวยอดเงินทำรายได้สุดเลวร้ายขั้นตกต่ำ ไปๆมาๆ Battlefield Earth ไม่ได้หยุดอยู่แค่เป็นหนังไซไฟยอดแย่เท่านั้น ซ้ำร้ายได้รางวัลราสซี่มา 7 รางวัล ไม่หมดแค่นั้น ยังถูกโหวตกลายเป็นหนังไซไฟยอดแย่อีกหนที่ยอดแย่ในรอบ 10 ปี


ถามว่าแย่มากเลยเหรอ สำหรับบางคนมีสนุกกันบ้างถ้าละเว้นเรื่องความน่าเชื่อถือ เพราะสิ่งที่ได้สัมผัสหลังดูจบคือการสอบตกเกือบทุกแขนง เรื่องราวมันเริ่มต้นจากชายหนุ่มเลือดร้อนจอห์นนี่(Barry Pepper)ผู้อยากไปข้างนอกเพื่อพบพระเจ้าตามคำร่ำลือ แต่แล้วเขาต้องถูกจับเพราะพระเจ้าเสียเอง สำหรับพระเจ้าแล้วคือเหล่าเอเลี่ยนไซโคลที่ยึดอำนาจโลกนี่เอง หลังโดนจับได้ถูกขังไว้ใช้เป็นทาส จอห์นนี่พยายามทุกครั้งให้ตัวเองหนีออกไปได้แต่ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้งจนผิดสังเกตเธิร์ล(John Travolta)หัวหน้ารักษาความปลอดภัยของเหล่าไซโคล ด้วยพฤติกรรมของมนุษย์ที่น่าจะเขลาปัญญาไม่รู้จักเครื่องไม้เครื่องมือเทคโนโลยี จอห์นนี่กลับใช้ปืนประจำตัวไซโคลได้อย่างไม่ได้ตั้งใจ ทีแรกเธิร์ลไม่เชื่อจนลองของให้ถือปืนต่อไปสักระยะก่อนจะยิงซ้ำอีกที ทำให้เธิร์ลมองเห็นบางอย่างในตัวจอห์นนี่และเกิดความคิดบางอย่างออกในการกอบโกยทองคำเอาไว้คนเดียว

เธิร์ลเห็นคุณสมบัติจากจอห์นนี่หลายอย่างด้วยการลองทดลองให้ออกไปข้างนอก คอยศึกษาพฤติกรรมหลายด้านเพื่อดูว่าเขามีจุดน่าพิเศษอะไรอีกบ้าง ก่อนจะจับตัวกลับมาอีกครั้งเพื่อทำให้จอห์นนี่ยอมเชื่อฟังและอยู่ภายใต้การควบคุม ทว่าแผนการของเธิร์ลนั้นจะต้องเป็นความลับไม่ให้ใครรู้ได้จึงตัดสินใช้เครื่องมือสอนจอห์นนี่ ทำให้เขามีความรู้ที่เร็วมากกว่าคนอื่นหลายเท่าจนสามารถเรียนรู้ภาษาของไซโคลได้ ด้วยเหตุนี้มันสมองของจอห์นนี่ที่ฉลาดกว่าคนอื่นจึงถูกใช้งานในการหาทองคำ เมื่อจอห์นนี่มีภูมิปัญญามากขึ้นทำให้รู้อะไรหลายๆอย่างมากมายจนได้กลายเป็นผู้นำขบวนการต่อต้านไซโคลอย่างลับๆเพื่อยึดเอกราชกลับมา และต้องจัดการเหล่าเอเลี่ยนนอกโลกที่เหยียบย้ำออกไปจากโลกให้จงได้


ว่ากันว่า Battlefield Earth เป็นโครงการหนังที่มีการฟ้องร้องมากที่สุดของวงการ ซึ่งความจริงแล้วหนังสร้างโดยบริษัทของนักแสดงนำในเรื่องคือ John Travolta และเขาเองวางแผงสร้างภาคต่อ แต่ด้วยเหตุผลด้านรายได้ และการขึ้นศาลทำให้เลิกคิดที่จะสร้าง จึงเป็นหนังร้างที่จบแล้วจบกัน เนื้อเรื่องได้รับการกลั่นกรองเป็นนวนิยายขายดี ตรงนี้ยอมรับในความบรรเจิดเข้าท่าเข้าทาง เพราะมนุษย์หมดอารยธรรมไปกับสิ่งใหม่เหลือการดำเนินชีวิตแบบเก่าๆ ถูกปิดกั้นความรู้เหลือความเชื่อเรื่องเทพมากกว่าเหตุผลดังกบในกะลา จะแล้วการทำสิ่งที่เป็นตัวอัษรมาสร้างเป็นตัวเป็นคนจากจินตนาการของใครบางคนคงยากเกินไปจะยอมรับตรงๆว่าหนังเรื่องนี้มีส่วนดีเช่นนวนิยาย เพราะการอ่านทำให้สัมผัสอะไรหลายอย่างที่สัมผัสได้ยาวนานกว่าการดู ผิดกับการทำเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาที่จบได้ไม่เกินสองชั่วโมง(ความจริงตัวหนังเกือบจะถึงสองชั่วโมงเลยนะ) ฉะนั้นพล็อตเรื่องลงเอยแบบง่ายเกินไป ความรู้สึกที่ได้หลังดูเรื่องนี้จบคือความคุ้มค่าที่คืนไม่ได้เพราะมันช้าและเสียเวลาไปในสิ่งที่น่าจะจบๆไป

ตัวหนังมีมุมกล้องวางท่าแอบเท่ไม่ใช่น้อยโดยเฉพาะเรื่องมุมภาพเอียงๆที่พบได้บ๊อยบ่อย การดำเนินเรื่องไปแบบเรื่อยๆไม่ค่อยอืดแต่ไร้สาระ ความจริงถ้าอืดยังพอเข้าใจเพราะมันต้องนอกเรื่องบางซะหน่อยเป็นเรื่องธรรมดา แต่นี่ไร้สาระหลายช่วงจนคิดอยู่ในใจแล้วว่ามนุษย์ไปพินาศให้กับต่างดาวบุกโลกพวกนี้ได้ยังไง


ไม่ใช่ว่าโง่หรอกแค่คิดว่ามันน่าเชื่อได้ขนาดนั้นจริงๆรือ เมืองร้างกลายเป็นซากปรักหักพังๆที่ผ่านเวลามายาวนานที่เกิดเป็นว่าข้างในดูใหม่โดยเฉพาะทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอาวุธ เช่น เครื่องบินรบที่เหินอากาศได้อย่างไม่มีปัญหาจนเริ่มตะหงิดแล้วว่าพวกนี้ฝึกซ้อมเครื่องบินเป็นกันเร็วดีนะ ทั้งๆที่ยังใช้ปืนกันไม่ได้เรื่องเลย หรือจะความแปลกประหลาดของพวกเอเลี่ยนพวกนี้ที่ร่างกายดูใหญ่และเก้งก้างเกินกว่าจะไล่วิ่งจับได้ทัน ทั้งนี้บวกกับการแสดงแต่ละรายคนแล้วโดยเฉพาะตัวประกอบก็อดนึกขำไม่ได้ว่าพวกนี้โดนสาปหรือกินหินเข้าไปหรอกหรือไง ถึงแสดงได้แข็งและเฉยกันเหลือเกิน ไม่มีอารมณ์ให้เข้าใจสักนิดว่าพวกนี้ชนะได้ด้วยการเดินและถือปืนยิงไปเรื่อยๆ ผิดกับฝ่ายคนที่ช่วงท้ายเรื่องมีศักยภาพสูงกว่า ความคล่องแคล่วที่เร็วกว่า ผิดกับพวกเอเลี่ยนเหล่าที่รู้ว่าเกิดสงครามขึ้นยังเดินยิง พวกนี้วิ่งไม่เป็น?

จากเท่าที่สังเกตดูพวกเอเลี่ยนเหล่านี้ต้องพึ่งเครื่องช่วยหายใจที่ปิดจมูกทั้งสองข้างยังกับผู้ป่วย ผิดกับมนุษย์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ให้ยุ่งยาก เว้นแต่บางสถานที่เป็นพิษหายใจไม่ได้ เอ้าก็ยังดีที่ตรงนี้เองเป็นจุดเชื่อมโยงว่าตัวเอกของเรามีแผนอะไรในการจัดการพวกนี้แบบทีเดียวทั้งหมดไม่ให้ยุ่งยากเกินไป

เริ่มจากการพังเพดานกระจกเพื่อเอาบรรยากาศเข้าไปข้างในให้พวกเอเลี่ยนรับไม่ไว้ ซึ่งจากเศษกระจกที่ตกลงมาเหมือนก้อนน้ำแข็งชิ้นใหญ่ที่ร่วงลงมากระแทกพื้นผิดกับรูปตอนระเบิดแตกที่บอบบาง จุดเล็กๆตรงนี้กะว่าจะมองข้ามไปซะหน่อย แต่อีกแล้วกับพระเอกของเราที่เท่เพราะวิ่งฝ่ากระสุนปืนของเอเลี่ยนที่เท่เพราะจัดฉาก ลองนึกสภาพดูว่าพระเอกของเราวิ่งตรงกลางและข้างๆก็ระเบิดมาเรื่อยๆ เอ่ะมันยิงกันยังไงหว่า ลองมาพูดเรื่องการแสดงกันบ้างที่ปัญหาพวกเอเลี่ยนคือความแข็ง ยังดีได้นักแสดง John Travolta ชูหน้าตาพวกเอเลี่ยนเอาไว้ได้เยอะ ทั้งสีหน้าและท่าทางเหมาะกับคาแรกเตอร์เจ้าอารมณ์หวังประโยชน์ส่วนตัวได้ดี ด้านฝ่ายมนุษย์ไม่กล่าวมากเพราะได้ Barry Pepper แสดงตั้งแต่ต้นจบด้วยด้วยสีหน้ารอยยิ้มน้อย แต่สีหน้าเอาจริงเอาจังสูง ส่วนคนอื่นๆไม่เจาะจงรายละเอียดใดมากเพราะเนื้อเรื่องมันยังไงดูเอา นี่มันสงครามมนุษย์ยุคถ้ำกับเอเลี่ยนเทอะทะนะ


ดูผิวเผิน Battlefield Earth มีความน่าดูตลอดเวลาแต่พอดูจบเท่านั้นเอง นั่งคิดไปสักระยะหนึ่งก็คล้ายจับสาระไม่ค่อยเจอ เอเลี่ยนโลภมากอยากได้ทองเป็นมุมมองอีกมิติหนึ่งว่าพวกนี้ชอบอะไร อย่างเธิร์ลที่พึมพำว่าพยายามอย่างหนักกับการเรียนเพื่อได้ตำแหน่งดีๆ สุดท้ายได้ยศระดับหน้าแต่ต้องอยู่เฝ้าโลก กลายเป็นความเคืองในใจแล้วว่าทำไมต้องมาอยู่บนดาวดวงนี้ ทั่งอันที่จริงอยากอยู่บ้านเกิดของตัวเองมากกว่า และการนี้เองจึงวางแผนออกจากโลกด้วยการโกยทองก่อนแล้วหนีกลับไปอยู่บ้านเกิดดาวตัวเองอย่างสบายใจเฉิบ แต่ทำคนเดียวไม่ได้เลยใช้จอห์นนี่จนเป็นพยัคฆ์ติดปีกที่ได้ความรู้ไม่แพ้พวกเอเลี่ยน ในขณะที่พวกมนุษย์ทำอะไรไม่ได้เลยเป็นทาสอย่างเดียว ผิดกับจอห์นนี่โชคดีหลุดแล้วหลุดอีก ไฟแรงไม่เหนื่อยไม่ย่อท้อสักนิด ความแตกต่างนี้ทำให้หนังจบง่ายมากทั้งที่ไม่น่าง่าย

Battlefield Earth ในแง่เอฟเฟคไม่เลวร้ายพอดูได้ตามยุคสมัย หนังมีส่วนของแอ็คชั่นที่ได้ใจจริงๆคือตอนใกล้จบที่เป็นสงครามระหว่างมนุษย์กับเอเลี่ยน ทว่าความมันส์ในส่วนนี่ปราศจากมุมมองที่สนุกมีความนิ่งไม่ได้เร้าใจตามต้องการ ก็ดีอยู่หรอกด้านเนื้อเรื่องแต่ขอให้อย่าให้กระชับเกินไปจะได้ไหมเพราะมันสั้นจนอะไรๆก็เร็วไปหมด

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)