Dog Soldiers (2002) กัดไม่เหลือซาก

Dog Soldiers (2002) | กัดไม่เหลือซาก
Director: Neil Marshall
Genres: Action | Horror | Thriller

มีหนังมนุษย์หมาป่าเยอะไม่น้อย แต่ที่คัดด้วยคุณภาพจริงๆในความสนุกคงมีไม่กี่เรื่อง และหนึ่งในความสนุกที่สะใจมากที่สุดคือมนุษย์หมาป่าเรื่องนี้ ไม่เชื่อก็ลองหาชมดูได้ แล้วจะรู้ว่าหนังมนุษย์หมาป่าเขาทำงานกันเป็นทีม ไม่ได้เดี่ยวดายหลงฝูงอย่างบางเรื่องอีกต่อไป


เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อนายทหารทั้ง 6 คน ประกอบด้วย สิบเอกแฮรี่ เวลส์ (Sean Pertwee),สิบโทบรู้ซ แคมพ์เบล (Thomas Lockyer),ลอว์เรนซ์ คูเปอร์ (Kevin McKidd),โจ เคิร์คเลย์ (Chris Robson),เทอร์รี มีลเบิร์น (Leslie Simpson) และฟิล วิทเธอร์สพูน (Darren Morfitt) ถูกส่งตัวไปซ้อมปฏิบัติการเข้าป่าที่ประเทศสก็อตแลนด์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เจอกับหน่วยพิเศษตามกฎการซ้อม ทว่าเมื่อพวกเขาเดินเข้าป่าลึกมากยิ่งขึ้นกลับต้องพบเรื่องตกใจบางอย่าง เมื่อไปถึงที่แคมป์ของหน่วยพิเศษต้องประหลาดใจที่กลายเป็นแคมป์ร้างไร้คน ซ้ำร้ายยังมีเศษซากเนื้อละเลงตามพื้นชวนน่าสะอิดสะเอียด ทำให้สัญชาตญาณบอกได้เลยทันที่ว่าที่นี้ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว และการฝึกได้จบไปนานแล้วกับเนื้อพวกนี้ ตอนนี้พวกเขาต้องเปลี่ยนอาวุธจากกระสุนปลอมเป็นกระสุนจริง จังหวะนั้นเองที่ผู้คุมค่ายริชาร์ด ไรอัน (Liam Cunningham) จากหน่วยพิเศษได้โผล่ออกมาจากที่หลบในค่ายพร้อมอาการบาดเจ็บสาหัส แล้วบอกถึงทุกคนเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่ ที่ได้แต่พูดว่ามันน่าจะมีตัวเดียว งานนี้ภารกิจไม่ได้แค่ฝึกอย่างเดียวซะแล้ว เพราะดูจากอาวุธของหน่วยพิเศษเหมือนเตรียมล่าอะไรบางอย่าง ซึ่งมันคงไม่ธรรมดา ฉะนั้นที่แล้วมาการฝึกปลอมๆครั้งนี้ตั้งใจให้เป็นเหยื่อล่อ แต่ดูเหมือนการล่อเหยื่อทำให้ผิดแผนจากเดิม ตอนนี้พวกเขาต้องหนีพวกมันที่ไม่รู้ว่ามันเป็นตัวบ้าอะไร


หลังจากหนีได้สักระยะต้องพบกับเมแกน (Emma Cleasby) นักสัตววิทยาที่ขับรถมาเจอะพวกเขาอย่างไม่ตั้งใจ และได้พาพวกเขาไปบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางป่า ที่คาดว่าเป็นที่ปลอดภัยจากพวกมันมากที่สุด แต่ไม่คาดเมื่อสิ่งที่ตัวเองได้เจอเป็นถึงระดับมนุษย์หมาป่ากระหายเลือดที่ไม่ยอมละมือจากพวกเขาง่ายๆ จึงเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องร่วมกันสู้กับมนุษย์หมาป่าที่ไม่รู้จะชนะได้ไหม แต่ที่แน่พวกเขาไม่ถอย และพวกมันเองก็รออยู่ข้างนอกพร้อมจะลงกงเล็บได้ทุกเมื่อ และถ้าเผลอเท่ากับทุกคนตาย

Dog Soldiers มีหน้าตาของหนังฟอร์มเล็กที่รู้สึกในวินาทีแรกว่าคงเป็นพวกหนังธรรมดาทั่วไป แต่มิวายกลับตรงกันข้ามที่ยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่าถูกใจกับการตีความมนุษย์หมาป่าได้เข้ารูปเข้าทางตามสัญชาตญาณการอยู่รวมเป็นกลุ่มมากกว่าจะแยกออกเป็นตำนานของเรื่องมนุษย์หมาป่าที่ยิ่งฟังเรื่องราวเก่าๆก็ยิ่งเบื่อ การดำเนินเรื่องค่อนข้างบอกเลยว่าป่าแห่งนี้ไม่ธรรมดาตั้งแต่เริ่ม จากฉากสองคนในเต้นท์ที่ถูกอะไรบางอย่างเล่นงานเป็นการบอกถึงได้เลยว่านั้นคือสิ่งที่ต้องเจอแน่ๆในหนัง แต่ด้วยที่ว่าฉากนี้มุ่งที่นักแสดงเป็นหลักจึงบอกไม่ได้ถึงสิ่งที่เจอว่าคืออะไร นอกจากเราจะคิดได้ตั้งแต่เริ่มเห็นเรื่องย่อแล้ว จะว่าหนังค่อนข้างมีเหตุผลตามสไตล์ขอเกริ่นความสยองไว้ก่อน ไม่ใช่เปิดด้วยพวกทหารเดินป่ากันเลย ซึ่งเป็นการเอาความคิดมาหลอกให้กลัวในทำนองที่ว่า"เอาแล้วไง" หมายถึงพวกทหารพวกนี้ต้องเจอกับมนุษย์หมาป่าแน่ๆ แต่กระนั้นเราก็ยังไม่เห็นตัวมนุษย์หมาป่าเต็มๆสักที อย่างมากเห็นหน้าโหดๆ อารมณ์ดุร้าย ทำให้จินตนาการได้ยากว่าร่างกายที่หนังเรื่องนี้สร้างควรจะออกมาเป็นยังไง(แต่เดิมทีก็คงเป็นร่างกายมนุษย์ที่ขนเยอะล่ะนะ) และที่ขาดไม่ได้คือเสน่ห์การดำเนินเรื่องที่ไม่เสียเวลามานั่งอธิบายพวกมนุษย์หมาป่าว่ามาอย่างไง รวมถึงเบื้องหลังภารกิจในครั้งนี้ เพราะอีกหน่อยความเข้าใจจะซึมซับเข้ามาเอง จากนั้นก็ไม่ต้องพูดมากอีกต่อไป อย่างไงสุดท้ายหนังให้ความสำคัญการถูกล่าว่าควรเอาตัวรอดยังไง ซึ่งนั้นคือการลงภาคปฏิบัติตัวจริง ไม่มีแต้ม ไม่มีตัวสำรอง มีแต่ตายกับตาย และรอดกับรอดเท่านั้น
 

สิ่งที่ทำให้การดำเนินเรื่องน่าติดตามคืออารมณ์ที่ปล่อยตามมาอย่างธรรมชาติ ไม่ได้ดูซีเรียสเข้มข้นด้วยความสยองโหดได้โล่ห์ประมาณจ้องฆ่าแกงด้วยความทารุณ สิ่งที่ตัวหนังถ่ายทอดคือความสนุกจากลูกเล่นใส่มุขตลกในบางจังหวะที่น่าลงตัวตามสถานการณ์เลวร้าย อย่างเรื่องไส้ของแฮรี่ที่หลุดออกมาจากท้อง เพราะโดนกงเล็บเข้าอย่างจัง กลายเป็นปีญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้ตัวละครนี่น่าจะตายเร็วกว่าตัวละคร ซึ่งมันไม่จริงอย่างนั้นด้วยเหตุที่ว่าเป็นตัวแปลสำคัญในตอนจบ ถ้าขาดตัวละครนี่ไม่แน่ว่าหนังคงไม่ได้จบแบบนั้น และเจ้าไส้ไหลนี่แหละที่ชวนให้ตลกอย่างมาก

แม้ตามจริงมันควรจะสยองอย่างเดี่ยว แล้วเคยคิดไหมล่ะว่าถ้าไส้ตัวเองไหลควรทำยังไงกับตัวเองที่ยังไม่ตาย จะยัดกลับไปใหม่จากนั้นเย็บติดเหมือนเดิม หรือยอมตายให้จบๆดีกว่า แต่ไส้ไหลนี่ทำฮาจริงแทบจะลืมความแหวะไปเฉยเลย เมื่อความขบขันจบลงความเครียดได้เข้ามา การเล่าเรื่องของหนังมีวงที่จำกัดคือบ้านหลังหนึ่งที่ใช้ทุกช่องทางอย่างคุ้มค่า ตั้งแต่ชั้นล่างตลอดจนชั้นบน และสุดท้ายด้วยการระเบิดทั้งหลัง แต่ระเบิดยังไงนั้นไปลุ้นเอาเองในตอนจบแล้วจะเข้าใจถึงศักดิ์ศรีความเป็นทหารที่รักเกียรติตัวเอง เป็นอะไรที่ซึ้งพอตัวเหมือนกัน ที่ขาดไม่ได้คือความสยองที่มีได้สมสะใจอยาก บางฉากที่เลือดเนื้อกันอย่างเข้มข้นถึงระดับชวนแหวะก็มี เช่น ไส้ไหลในข้างต้น  หรือจะอีกหลายๆฉากที่ฉีกขาดกันคอหลุด ซึ่งถามจริงเถอะว่าอารมณ์ขันที่คุมหนังไม่ดีจะกลายเป็นทีเล่นทีจริงกลับดูจริงจังแบบนี้ได้อย่างไม่สะดุด มันก็ยากเหมือนกันนะ แต่ยังไงหนังมีทิศทางเรื่องการเล่าเรื่องที่น่าติดตามตลอดเวลา บางทีอาจเป็นเพราะใช้ความอยากรู้อยากเห็นอันเป็นธรรมชาติอย่างมนุษย์เราๆมาปรุงแต่งจนลุกไม่ขึ้นก็ได้


การดำเนินที่เร็วเป็นประโยชน์ที่ไม่ทำให้อืดอาดชวนน่าเบื่อ ทว่าบางครั้งการให้หนังไปเร็วจะขาดความรู้สึกซึมซับได้ยากถ้าเกิดเป็นแนวส่งผลอารมณ์โดยตรงอย่างพวกดราม่า และกับพวกสยองล่ะจะเป็นยังไง ถ้าเป็นเรื่องนี้บอกได้เลยว่าเรื่องราวที่รู้จักเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าแทบหายหมด การเจาะจงเรื่องเวลาอย่างพระจันทร์เต็มดวงไม่ได้ถูกพูดถึงที่มา หรือจะวิธีจัดการที่ใช้แร่เงินเท่านั้นที่จัดการมนุษย์หมาป่าได้ ซึ่งถ้าดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจำกัดวงขนาดนั้นใครจะคิดทำกระสุนเงินได้ทัน ก็ได้แต่สาดกระสุนที่มีอยู่แล้ว ที่ทำได้เพียงหยุดการลุกลามเข้าหน้าต่างได้ไม่กี่นาที

แต่อะไรยิ่งกว่าถ้าเปรียบเทีบกับพวกซอมบี้ที่จะบุกเข้าตามช่องอย่างเดียว ไม่เหมือนกับรอคอยจังหวะล่าเช่นนายพราน และข้อปฏิบัติที่น่าสนใจคือการทำแล้วคิดเป็นอย่างดีเท่าที่ดีได้ ไม่ผิดกับหนังสยองบางประเภทที่มีพวกหนีขวัญสติกระเจิงจนกลายเป็นตัวซวยที่พาหายนะได้ทุกเวลา เมื่อตัวละครเป็นถึงทหารจึงมีหน้าที่รู้ตัวเสมอว่าควรลงมือเช่นไร และนั้นทำให้ภาพลักษณ์ของการทั้งสองฝ่ายเป็นไปอย่างดุเดือด ถึงแม้มนุษย์หมาป่าจะยังไม่เห็นตายเลยสักตัวก็ตาม แต่ด้วยความสามารถที่คิดไม่ถอย ทำให้ฝ่ายมนุษย์มีดีดรีที่ไม่ด้อยกว่า


แม้ว่าจะมีตัวละครที่หลากหลาย และดูออกว่าใครคือพระเอก ก็อดคิดความโดดเด่นของแต่ละคาแรกเตอร์ไม่ได้ที่แทบจะเก่งไม่แพ้ทางของกันและกัน ทั้งการยอมเสียสละเป็นตัวล่อ การยอมเข้าเสี่ยงเพื่อเอารถมา หรือจะการฉะเดี่ยวตัวต่อตัวกับมนุษย์หมาป่า แสดงถึงความสามารถที่ตัวเองมี จึงมองว่าบทบาทของพระเอกเราไม่ได้เกิดมาเก่งไปซะทุกรูปแบบ ตัวอื่นๆก็เก่งจนขาดไม่ได้เช่นกัน รวมถึงความละเอียดที่เก็บฉากอย่งตอนสุดท้ายที่สู้กับมนุษย์หมาป่าคนเดียวอย่างไม่เกรงกลัว สู้อย่างเต็มใจ เจออะไรที่สู้ได้ก็หยิบมาขว้างอย่างไม่ลังเล ทั้งโยนจานเอยแก้วเอย รวมไปถึงการต่อยหน้ามนุษย์หมาป่าที่แสนจะดุเดือดเลือดพล่าน มันแสดงให้เห็นว่าตัวละครที่น่าจะตายก็ยังต้องทำให้รู้ว่าก่อนตายเขาได้ทำอะไรลงไปเหมือนๆให้เห็นความกล้าหาญประมาณ ตรงกันข้ามถ้าเป็นหนังเรื่องอื่นบางทีก็คงวิ่งหนีกันอย่างเดียวไปแล้ว แล้วที่ว่าบทพระเอกไม่ได้เก่งอยู่คนเดียวนั้นถือว่าแคร์ในทุกตัวละครจริงๆ ต้องมีบทเด่นแย่งซีนกันบ้างไม่ปล่อยปะให้กลายเป็นตัวประกอบโดนเคี้ยวเล่น จะว่าก็เหอะเนื้อหาของหนังว่ามันพิกลตรงที่ไม่มีการอธิบายรายละเอียดที่แน่ชัดถึงพวกมนุย์หมาป่าว่ามาได้ยังไง เป็นยังไง ก็เหมือนทหารในเรื่องที่มาฝึกปฏิบัติที่รู้ว่าคงเป็นการซ้อมเท่านั้น ก่อนจะรู้อีกทีว่าต้องเจอกับมนุษย์หมาป่าที่ไม่รู้ว่าจะจัดการพวกนี้อย่างไงดี

หนังทำได้สมจริงมากที่สุดไม่ใช่การเมคอัพตัวมนุษย์หมาป่า แต่เป็นเรื่องวิถีของเหล่าทหาร มัต้องมีบุกบ้างถอยบ้าง ปรับแนวรบให้เข้าใจกับกำลังที่เจอ ใครมีความสามารถอะไรต่างรู้หน้าที่ตัวเอง ดังนั้นการหาตัวละครประเภทงี่เง่าพาซวยจึงไม่มี มีแต่ต้องสู้กันด้วยสมอง และกำลังที่ต้องห่ำหั่นกัน อีกอย่างที่น่าเคารพในหนังเรื่องนี้คือเอาธรรมชาติการล่าของสัตว์มาใช้ ปกติสัตว์จะล่ากันเป็นกลุ่มในการโค่นเหยื่อ เป็นความสามัคคีที่เกิดขึ้นตามความอยู่รอด มันจึงไม่มีมนุษย์หมาป่าโดดมาตัวเดียว เพราะเจอตัวหนึ่งเท่ากับเจออีกทั้งฝูง มนุษย์จึงไม่ได้กระจอกอย่างที่คิด ฝ่ายคนอย่างเราๆเองก็ต้องสามัคคีเข้าไว้จึงอยู่ได้นาน เพราะงี้ด้านระดับของหนังจึงยกความลำบากได้อย่างน่ากดดัน ในบริเวณโดยรอบเป็นป่า ไม่มีใครมาช่วยได้นอกตัวเอง ฉะนั้นรวมกันเราอยู่แยกกันคือตาย

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)