Dredd (2012) เดร็ดด์ คนหน้ากากทมิฬ

Dredd (2012)
เดร็ดด์ คนหน้ากากทมิฬ
Director: Pete Travis
Genres: Action | Crime | Sci-Fi
Grade: B+

กว่าตุลาการเดร็ดด์จะกลับมาอีกครั้ง เวลาได้ล่วงเลยไปนานอย่างมากนับจากปี 1995 ก็ 17 ปีที่หายลับไม่กลับมา(เสียงวิจารณ์ค่อนไปเสียงลบ) ตอนนี้กลับมาอีกครั้งด้วยฉบับแอ็คชั่นที่แตกต่างจากของเดิมอย่างมากกับแนวโหดดิบ ไม่ได้ไซไฟอย่างดั้งเดิมอีกต่อไป ฉะนั้นใครอยากเห็นของล้ำจินตนาการต้องบอกว่าหมดสิทธิ์เห็น เพราะคราวนี้มีเลือดกับเนื้อมาให้รับชมแทน รับประกันถึงใจแฟนๆแน่นอน


ไม่นึกว่าหนังที่น่าจะตาย และหมดชื่อไปแล้วจะถูกรังสรรค์กลับมาอีกครั้ง ในความรู้สึกเป็นเรื่องที่น่าใจ อีกแง่หนึ่งสักไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าหนังรีเมคที่ยกเครื่องใหม่เรื่องนี้จะกลับมาดีกว่าของเดิมหรือเปล่า(อันเก่าก็ไม่ค่อยจะดีซะด้วย) ซึ่งในตอนเห็นตัวอย่างยอมรับว่าน่าดู ทั้งความกดดันอันขลึงขลัง ทั้งในแง่ฉากที่คิดว่าคงเอามันส์มากกว่างานเหนื่อยๆแบบเก่าที่ Sylvester Stallone เคยแสดงเอาไว้ โดยทีมงานวิชวลเอฟเฟคมาจาก Resident Evil: Afterlife (2010) และทีมงานฉากแอ็คชั่นจาก District 9 (2009) และซี่รีย์ Generation Kill (2008) พอจะรู้ทีมงานทั้งหมดก็น่าจะให้ความไว้ใจได้ระดับหนึ่งล่ะนะ ส่วนจะออกเร้าใจสนุกมาแค่ไหนลองติดตามชมกันได้เลย แต่รับประกันเรื่องเอฟเฟคที่สวยจริง

ในโลกอนาคต ณ เมืองเมกะซีตี้วัน สถานที่แห่งเดียวที่อยู่ได้ของมวลมนุษย์ชาติ มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างมากมายที่ใช้ชีวิตไปวันๆอย่างเรื่อยเปื่อยทุกอย่างอยู่ในขั้นที่เลวร้ายเกินเยียวยาแก่การรักษา ที่นี้เต็มไปอาชญากรที่เพิ่มขึ้นสูงจากสถิติที่ไม่ตกลง จากความเสื่อมโทรมของที่แห่งนี้มีเพียงบุคคลกลุ่มเดียวที่จะช่วยได้ และพวกเขาคือกลุ่มคนที่มีทักษะการเรียนรู้กฎหมายที่แม่นยำ และเป็นผู้พิพากษาในคราวเดียวกัน กลุ่มคนเหล่านี้คือกฎหมาย คือตุลาการที่พร้อมจะไปทุกที่เพื่อความสงบสุขจากความเลวร้ายให้ออกไป พวกเขาจะไม่สนใจที่จะฆ่าเพื่อกฎหมาย เพราะพวกเขาคือกฎหมาย


เรื่องได้เกิดขึ้นที่การรับน้องตุลาการใหม่แอนเดอร์สัน (Olivia Thirlby) ที่ไม่ผ่านการสอบสักครั้ง แต่ด้วยการพิจารณาถึงความสามารถบางอย่างจึงอยากรู้ว่ามีคุณสมบัติพอจะผ่านได้หรือไม่ เป็นหน้าที่ของตุลาการเดร็ดด์ (Karl Urban) ที่จะช่วยสอนทักษะต่างๆกับการสอบภาคปฏิบัติของจริงในที่จริง และตายจริง ซึ่งไม่ทันไรจังหวะบังเอิญได้ข่าวแจ้งให้ไปตึกแห่งหนึ่งที่มีการตายเกิดขึ้น คาดว่ามาจากตัวการบนตึกข้างบนนั้น ด้วยความที่ไปยุ่งเกี่ยวจนทำใครบางคนไม่พอใจ ทำให้ตุลาการทั้งสองจำต้องตกอยู่ในสถานการณ์ปิดตาย เมื่ออาคารทั้งหลังถูกปิดทั้งหมด พร้มเสียงประกาศบอกกล่าวทั่วตึกจากนายแม่ (Lena Headey) เจ้าบ่งการทุกสิ่งภายในตึกที่ต้องการจัดการตุลาการที่มาเหยียบถึงถิ่นให้สิ้นซาก ไม่ว่าจะเป็นหรือจะตายก็ดี งานนี้ต้องลุยสู้ฟัดเพื่อหาตัวแม่

คิดว่าปีนี้มีหนังพล็อตอย่างงี้หรือเปล่า ไอ้ปิดตึกสู้เนี้ยมันคุ้นๆนะ ใช่แล้วก็เรื่อง The Raid : Redemption (2012) ที่มีตำรวจสวาทบุกเข้าตึกแต่ถูกปิดตึกโดนรุมซะเอง จนกลายเป็นภารกิจเอาตัวรอดซะเอง บังเอิญดีจริงๆที่พล็อตหลักการเอาตัวรอดที่ว่าในตึกนี่ช่างเหมือนกัน ถึงจะเหมือนอย่างไงก็บอกได้ว่ามันแตกต่างกันอยู่ดี การดำเนินเรื่องไม่มีอะไรสลับซับซ้อนให้น่าคิดมากมาย หลักๆคือความสนุกที่ได้จากการถล่มเรื่องยิงกระจุยกับการเดินตะลุยตามชั้นต่างๆที่เดินขึ้นเดินลง เป็นแอ็คชั่นไม่มีข้อวิตกอะไรถ้าอยากจะมันส์ก็มันส์จริง ดนตรีประกอบเองจัดได้กดดันพลอยทำเร้าอารมณ์ไปด้วย จะว่ามิติเดียวไม่คิดมากเอามันส์รับประทาน แตกต่างจากของเก่าที่ให้มิติเชิงจิตใจมากกว่า ด้วยเหตุนี้ฉบับเก่ากับของใหม่มีจุดที่กินไม่ลงเรื่องความหนาแน่นของการนำเสนอ Dredd มีการลงรอยที่ไม่สื่อถึงสิ่งใดนอกจากความเป็นตุลาการ ทั้งการทำงาน หรือจะบทบาทที่รับหน้าที่ ทุกสิ่งดูแข็งกร่าว อีกแง่หนึ่งคือความถูกต้องที่ควรเป็นกับตุลาการที่ต้องไม่อ่อนไหว ฉะนั้นตุลาการไม่จำเป็นต้องถอดหมวก และไม่ถอดหมวกนั้นแหละเป็นวิธีที่สมเหตุสมผล


บางคนอาจไม่ชอบใจเรื่องตัวละครตุลาการที่ไม่ว่าใครหน้าไหนล้วนแสดงให้สวมแต่หมวก ซึ่งมีเพียงตุลาการแอนเดอร์สันที่ไม่ได้ใส่ เพราะความสามารถพิเศษของพวกกลายพันธุ์ที่มีพลังจิตเข้าถึงความคิดก้นบึ้งของจิตใจได้ การใส่หมวกก็เลยทำให้ใช้พลังได้ไม่สะดวก จะว่าตามตรงในการ์ตูนก็เปล่ามีฉากถอดหมวกเลย จึงไม่แปลกว่าหนังเรื่องนี้จะซื่อสัตย์ต่อแฟนๆได้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเสนอเรื่องที่เอามันส์โหด ดิบ เถื่อน และเรื่องอะไรตุลาการต้องถอดหมวก เช่นครั้งใน Judge Dredd ที่เกิด Sylvester Stallone ตัดสินใจมีการถอดหมวกตลอดแทบทั้งเรื่อง เป็นการทำร้ายจิตใจแฟนการ์ตูนไปซะอย่างงั้น อีกด้านสำหรับคอการ์ตูนที่ติดตามกันมาอยู่แล้วจะพอใจกันอย่างมากถ้าความโหดจะมีใส่เข้ามา ปัญหาคือใครไม่ใช่แฟนการ์ตูนจะยึดแต่ภาพความเป็นไซไฟแทน หรือจะเรื่องชุดที่เปลี่ยนไปกับการลดเครื่องประดับทั้งหมดลง เป็นชุดส่วมแบบธรรมดาที่ให้อารมณ์เป็นหนึ่งที่ดีกว่า ไม่โอเว่อร์ไปแม้จะนอกตำราการ์ตูนก็เถอะ รวมถึงโทนของหนังที่เปลี่ยนรูปแบบไปจัดว่าเป็นเอกลักษณ์ที่เหมาะกับสภาพบ้านเมืองอันเลวร้าย มีความมืดบอดในตัว ไม่ต้องปรากฏก็พร้อมจะแสดงให้เห็นตลอดเวลา เหมือนเสื่อมโทรมมาจากข้างนอกมากกว่าจะเป็นการพังทลายจากภายนอก เพราะครั้งนี้เป็นการรีบู๊ตคืนความเป็นตุลาการให้กลับเป็นตุลาการตัวจริงที่ไม่มีการอ่อนข้อหรืออ่อนไหวให้เห็น อีกอย่างที่สาระมากเห็นจะการเล่าเรื่องของตุลาการมากกว่าจะเจาะความผูกพันของตัวละคร เพราะไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของตุลาการเดร็ดด์ หรือจะปูมหลังของตุลาการแอนเดอร์สันที่มารับงานนี้เพื่ออะไร นอกจากรูปภาพที่ซ่อนเอาไว้ใต้ข้อมือ น่าจะสื่อถึงเรื่องครอบครัว จากการปฏิบัติช่วงแรกยังเกร็งๆไม่กล้าตัดสินใจในการฆ่า เพราะความลังเลในใจ ก่อนจะพัฒนาตัวละครให้มีประสบการณ์มากขึ้นในการใช้ปืน ที่ช่วงหนึ่งเธอยิงโดยไม่ลังเลเหมือนช่วงแรกอีกต่อไป กลายเป็นแบบตุลการที่ควรเป็น เช่นตุลาการเดร็ดด์ที่นิ่ง สงบ มีอารมณ์ที่พร้อมจะระบายออกมาเป็นแรงผลักดันให้สู้ได้ทุกเมื่อ


ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนที่จำกัดอยู่แค่ 45$ ล้าน ทำให้เดิมจะทำปูมหลังให้รู้รายละเอียดจำต้องตัดทิ้งไปกับงบประมาณที่น้อยหน่อยแต่หวังมาก และมากจริงกับพวกเอฟเฟคที่ให้ฉากอลังการในเมือง แม้ไม่กี่ฉากก็ตาม รวมถึงความโดดเด่นอันเป็นจุดทำแต้มของเรื่องคือการใช้ภาพสโลโมชั่นที่เกิดจากการเสพยาสโลโม กับยาชนิดนี้ทำให้ผู้เสพมีความรับรู้สึกที่ช้าลงจากเวลาจริงเป็น 1% (สมชื่อสโล) รวมถึงยังเพิ่มความเข้มของสีระหว่างสโลโมชั่นให้แสดมากขึ้น เรียกได้ว่าสวยแบบเข้มๆ ถึงจะได้คำชมวิจารณ์ในแง่บวกจากหลายสถาบันใช่ว่าจะไม่มีข้อติ เมื่อ Dredd ฉบับนี้ดูกลวงไปกับมุมมองถล่มยิงตามตึกอย่างเดียว ไม่มีหักมุมหักจิต เน้นลุยสถานการณ์เป็นหลัก และผลออกมาเป็นความเก่งกาจของตุลาการเดร็ดด์ที่มีมากเกินไป ผู้ร้ายมีอยู่หลายคนส่วนใหญ่ถูกจัดการโดยง่าย เพราะปืนมากออพชั่นสั่งงานด้วยเสียง ทั้งกระสุนเจาะเกราะ กระสุนเพลิง กระสุนหัวระเบิด อีกสารพัด และใช้ได้เฉพาะเจ้าของปืนเท่านั้น ส่วนตุลาการแอนเดอร์สันมีความพิเศษเฉพาะตัว เนื่องจากเป็นพวกกลายพันธุ์มีพลังจิตที่สามารถอ่านใจคนได้ ทีนี่ผู้ร้ายคิดอ่านยังไงก็รู้หมด หนังเลยง่ายไปกว่าครึ่งเรื่องการโดนอ่านแผนออกอย่างไม่วิตกกังวล ที่สำคัญเป็นตัวร้ายที่ให้เค้าถึงความร้ายกาจจากไม่มีอำนาจกลายเป็นคนมีอิทธิพลยึดไปทั้งตึก ซึ่งพอเอาเข้าจริงอำนาจที่ว่านี้มาจากเรื่องยาเสพติดที่ส่งผลขยายอย่างรวดเร็ว รวมถึงการมีลูกน้องมากจนคุกคามพวกอื่นได้ ฉะนั้นเอาเข้าจริงนายแม่เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเก่งกาจนอกจากความเป็นพวกชอบรุนแรงในตัว ที่แพ้ตุลาการเดร็ดด์ทั้งกายและใจ

อนึ่งสาระยังเพิ่มตัวละครเหล่าตุลาการที่ติดสินบน ไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องที่ถูกหรือผิด แต่เกิดใครจ่ายมากกว่าจะทำงานให้ เป็นการซื้อตัวที่แสดงถึงความไม่ยุติธรรมในบ้านเมือง เป็นอีกมิติหนึ่งที่ไม่ได้บอกว่าตุลาการมีแต่พวกรักความยุติธรรมเสมอไป เพราะพวกนี้ก็มีหลบๆซ่อนๆภายใต้สังคมคอยรับใช้หน้าที่ของตัวเองเป็นเบื้องหน้า

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)