Flight (2012) ฝ่าวิกฤตเที่ยวบินระทึก

Flight (2012)
ฝ่าวิกฤตเที่ยวบินระทึก
Director: Robert Zemeckis
Genres: Drama | Thriller

เห็นชื่อผู้กับท่านนี้ก็เริ่มคิดแล้วว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียวเพราะนานๆที Robert Zemeckis จะเห็นสร้างหนังคนแสดงหลังจากหายไปนาน โดยเขามีผลงานที่ระดับท็อปในใจใครหลายคนทีเดียวโดยเฉพาะ  Forrest Gump(1994),Cast Away (2000) และงานการันตีความสนุก 3 ภาคติด Back to the Future (1985),(1989) และ (1990) ซึ่งแต่ละเรื่องที่กล่าวมานี้ล้วนแต่ถูกใจทั้งสิ้น แต่พอถึงคราวนี้เขามีผลงานใหม่กับเรื่อง Flight ที่มาให้ดราม่าจนคิดตกไปตามๆกันกับความสำคัญของชีวิตเช่นเดียวกับผลงาน Cast Away ที่มีความเกี่ยวพันคล้ายกันที่ประเด็นของเครื่องบิน แต่ Flight จะลงรายละเอียดให้มากกว่านั้นยิ่งขึ้นกับเครื่องบินอย่างจริงจังกับนักแสดงมากฝีมือ Denzel Washington


Flight จัดว่าเป็นหนังมีคุณภาพอีกเรื่องหนึ่ง มีเอฟเฟคอันน่าตื่นเต้นเหมือนอยู่ในเครื่องบินนั้นได้น่าลุ้น การดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆแบบดราม่า การแสดงของ Denzel Washington เยี่ยมยอดมากที่สำคัญหนังยังจับไปที่เขาตลอดทั้งเรื่อง ฉะนั้นจะเห็นทุกอย่างเกี่ยวกับการแสดงและตัวละครอย่างชัดเจน น่าเสียดายตรงที่ว่าเนื้อเรื่องยังไม่แน่นพอจะกินใจไปซะทุกเรื่อง เพราะมีพล็อตเรื่องราวที่ผูกโยงไปหลายอย่าง ทั้งครอบครัว ยา และอบายมุข จุดนี้เองที่หนังได้เรต R เพราะใกล้ชิดกับสิ่งผิดกฎหมาย แต่ด้วยส่วนตัวมองว่าแม้จะไม่ละเอียดจนซึ้งไปทุกเรื่องที่หนังมีมาทั้งหมดก็พอจะสร้างความคุ้มค่าและเข้าใจในชีวิตนี้แล้วว่าการโกหกเป็นยังไง และอะไรคืออิสระของชีวิตมากกว่าการบิน


"เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ"

"ฮีโร่"กับ"ตัวร้าย"หรือ"คนดี"กับ"คนเลว"

ทั้งสองสิ่งมีเส้นกั้นบางๆระหว่างข้างหน้ากับข้างหลังเฉกเช่นกับเรื่องของวิป วิเทเกอร์(Denzel Washington)ที่เริ่มเห็นจุดอิ่มตัวของตัวเองว่ามาถึงที่สุดของการใช้คำโกหก เรื่องราวเริ่มมาจากเช้าวันหนึ่งในเที่ยวบิน 227 เดินทางออกจากออร์แลนโด้ฟลอริด้าไปตามเส้นทางปกติที่มีกัปตันวิปกับนักบินผู้ช่วยเคน อีแวนส์(Brian Geraghty)ในการควบคุมการบิน ซึ่งทุกอย่างมีสภาพพร้อมอย่างที่ควรเป็นเว้นแต่สภาพภูมิอากาศเท่านั้นที่มีพายุฝนตกกระหน่ำ แต่กัปตันวิปพร้อมที่จะพาผู้โดยสารขึ้นอย่างปลอดภัยด้วยวิธีการของเขาที่ทำผู้ช่วยยังใจหายไปชั่วขณะ หลังจากการบินขึ้นมาได้สักระยะหนึ่งปรากฏว่าเครื่องบินต้องพบความผิดปกติขั้นรุนแรง เมื่อเครื่องยนต์กลไกทำงานขัดข้องไม่ตอบสนองตามที่ต้องการ จึงกลายเป็นวิกฤตอย่างเร่งด่วนเมื่อเครื่องบินแทนที่จะพุ่งไปข้างหน้ากลับเชิดลงอย่างรวดเร็วและพุ่งด้วยความเร็วที่กำลังลดระดับลงเรื่อยๆอย่างน่าใจหาย จึงกลายเป็นหน้าที่ตัดสินใจของกัปตันวิปที่หาทางหยุดหายนะครั้งนี้ก่อนที่เครื่องจะพุ่งหน้าลงพื้นบดขยี้เครื่องบินพร้อมโดยสารจนเละ วิปตัดสินอย่างคนเยือกเย็นในการแปรวิถีการบินจากหงายให้มันคว่ำเพื่อเปลี่ยนกระบวนการให้เกิดการต้านพลิกหงายท้องขึ้นมา ซึ่งนั้นจะทำให้หยุดการทิ้งดิ่งลงพื้นได้ แต่ทว่าเครื่องยนต์ที่ขัดข้องจนรับหน้าที่ไม่ไหวทำให้เครื่องหยุดทำงานซึ่งกัปตันวิปได้แต่มองเครื่องบินทั้งลำกำลังร่อนต่อไปที่ค่อยๆลงจอดในไม่กี่วินาที เพราะไม่สามารถพาเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัยจึงมีวิธีนี้เท่านั้นที่ช่วยได้คือการพลิกหน้าท้องขึ้นมาปรับสภาพให้คงตัวแล้วค่อยปรับมาเข้ารูปตามเดิม แม้จะลดความเร็วไปได้ก็ไม่ช่วยให้เครื่องหยุดตกได้ และสุดท้ายเครื่องก็ตกลงกับพื้นส่งแรงกระแทกจนกัปตันวิปหมดสติ


การลงจอดแบบที่ไม่มีใครทำได้ทำให้กัปตันวิปคือฮีโร่ในสายตาใครหลายคนที่พาปฏิหาริย์มาสู่ผู้โดยสาร แต่ไม่ใช้กัปตันวิปจะสามารถช่วยได้ทุกคนเพราะผู้โดยสาร 96 คนและลูกเรืออีก 6 คนไม่ได้รอดไปซะทุกราย มีเสียชีวิต 6 คนจากทั้งหมด 102 คน กัปตันวิปคือหนึ่งเดียวของเหตุการณ์ที่เป็นวีรบุรุษ ด้วยความสามารถที่ใช้ในการควบคุมเครื่องบินที่ได้ฟังจากกล่องดำเป็นตัวพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าอาจมาจากเหตุขัดข้องของเครื่องยนต์ หลังจากฟื้นสภาพในโรงพยาบาลเขาต้องอยู่ที่นั้นสักระยะหนึ่งและได้พบกับคนไข้ที่กำลังสูบบุหรี่และอีกคนที่เป็นมะเร็งจากทางบันไดทั้งคู่ ที่หนึ่งในนั้นคือนิโคล(Kelly Reilly)ผู้หญิงที่ประสบปัญหาชีวิตจากเรื่องติดยาจถังแตกไร้งานการ หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาได้ไม่นานเขาต้องเจอปัญหาคลางแคลงใจเกี่ยวกับเครื่องบินอีกครั้งหนึ่งโดยเฉพาะคำถามเกี่ยวกับเขาโดยตรงที่อาจส่งผลกระทบในเรื่องของสาเหตุการตก ซึ่ง NTSB ยังไม่ยอมรับว่ามีปัญหาจากเครื่องขัดข้องเพียงอย่างเดียว รวมถึงการพบหลักฐานที่ชั่วชีวิตของวิปขาดสิ่งนั้นไม่ได้ และมันกำลังทำชีวิตของเขาพัง

เมื่อมีการไต่สวนเกิดขึ้น วิปต้องเข้าใจในทุกปัญหาที่เกิดจากคำถามที่กำลังจะรายล้อมเขาแต่เขาเชื่อว่าวีรกรรมในครั้งนั้นน่าจะพอซื้อใจคนรอบข้างให้ช่วยเหลือได้บ้าง ชาร์ลี แอนเดอร์สัน(Bruce Greenwood)เป็นเพื่อนของวิปและยังเป็นตัวแทนสหภาพ ได้เข้ามาจัดการคดีของวิปโดยให้ทนายฮิวจ์ แลง(Don Cheadle)เป็นคนจัดการเรื่องข้อกล่าวหาต่างๆที่กำลังตามมาหรือหลักฐานที่จะชี้ตัวได้ให้บีดเบียนออกไป แต่วิปยังมีเพื่อนเก่าอีกคนที่พยายามช่วยเหลือทุกโอกาสที่ต้องการอย่างฮาร์ลิง เมย์ส(John Goodman)ที่จะมาเฉพาะเวลาเท่านั้น ยังไงเรื่องของวิปที่เป็นกัปตันไม่ใช่จะสู้กันแค่เรื่องคดีแต่ยังต้องสู้มากกว่านั้นในชีวิตจริงๆที่เป็นมากกว่าฮีโร่ที่ภายในอันมืดบอด


"ฮีโร่"เป็นสิ่งที่มองเห็นจากความเป็นจริงกับสิ่งที่กัปตันวิปทำ ใช่แล้วเขาคือกัปตันที่มีสติดีเยี่ยมไม่หวั่นในเหตุการณ์และพารอดมาได้ด้วยวิธีสุดเหลือเชื่อ ถ้างั้นวิปล่ะ หมายถึงวิปที่ไม่ใช่กัปตันที่ตัวตนไม่ได้อยู่ในหน้าที่ที่กำลังใช้ชีวิตตามปกติเช่นวันหยุดธรรมดาอย่างที่ใครจะเป็น ในส่วนนี้เราไม่มีโอกาสได้รู้แน่ชัดจนเปิดเรื่องราวด้วยการสูดโดเคนเพื่อกระตุ้นให้ตัวเองตื่นจากความเพลียหรือมึนเมาในขณะนั้น และหลังจากนั้นกัปตันก็เผชิญสิ่งเลวร้ายกับเครื่องบินตกจนได้เป็นฮีโร่ จากจุดนี้คำว่าฮีโร่ยังไม่รู้สึกมีค่าพอจะยอมรับเต็มร้อยว่าน่าปลื้มใจมากอย่างที่เป็นเพราะสำหรับสิ่งที่เราเห็นจากตอนแรกนั้นแสดงออกส่วนหนึ่งแล้วว่าเป็นคนเสพยา ทั้งนี้อาจจะเสพไม่มากแต่ด้วยภาพพจน์จัดว่าเสียรูปไปแล้วอย่างหนึ่ง หลังจากเรื่องราวเหตุการณ์ร้ายๆผ่านไปวิปได้เจอ 2 คนที่แอบสูบุหรี่ทางบันได จากคนแรกคือนิโคลผู้หญิงที่สงบเสงียมเหมือนกำลังหมดหวัง กับชายปริศนาที่เดินขึ้นมาทางบันไดที่หิ้วน้ำเกลือติดตัวที่บอกว่าตัวเองเป็นมะเร็ง วิปไม่คิดอะไรมากนอกจากเป็นพวกเดียวกันที่กระหายอยากสูบรับควันเข้าปอดที่ห้ามสำหรับโรงพยาบาล แต่ไม่ใช่ที่นี้แน่นอนนอกจากใครมาเห็นเข้าแล้วเอ่ยปากว่าที่นี้ห้ามสูบ ในเวลา 3 คนอยู่ด้วยกันไม่ได้ผ่านแบบเงียบๆ พวกเขายังคุยสนทนาตามประสาคนที่หนึ่งกำลังปล่อยตามชีวิตอย่างไม่มีภัย อีกหนึ่งเริ่มเข้าใจชีวิต อีกหนึ่งคิดว่าเป็นพระเจ้า


"พระเจ้าต้องการ"หรือ"การโกหกเพราะตัวเอง"

วิปรอดมาได้ด้วยความสามารถของตัวเองที่ใครหลายคนอยากเชิดชูในตัวเขายิ่งนัก แล้วใครจะรู้เล่าว่าเบื้องหลังชายคนๆนี้มีดีตามความสามารถในอาชีพของเขาด้วยหรือเปล่า หลังจากออกจากโรงพยาบาลเขาได้มุ่งไปที่บ้านเพื่อทำกับบางสิ่งให้ดูขาวสะอาดแก่ประชาที่มองว่าเป็นฮีโร่อย่างที่สมควรเป็น เริ่มจากเปิดตู้เย็นหรือตู้ต่างๆที่ค้นหาในสิ่งที่ใช่ เช่น เหล้า ยาเสพ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ดูเสื่อมเสียจากคำว่าหมดสภาพออกไป ทีแรกคล้ายกลับใจกลายเป็นคนใหม่ที่ขาวสะอาดจากอบายมุข ณ ช่วงหนึ่งผู้ชมอย่างเราๆคงเริ่มเห็นด้านมืดของฮีโร่คนนี้ชัดเจนยิ่งกว่าเก่าและเชื่อว่าคนนี้มีโรคประจำตัวคือโรคติดสุรา นั้นคือคำสั่งจากพระเจ้าด้วยหรือเปล่า ถ้ามองย้อนกลับไปจากการคุยสนทนา 3 คนที่หามุมสูบบุหรี่ที่มีชายคนหนึ่งเป็นมะเร็งสารรูปปางตายแบกน้ำเกลือติดตัวที่พร่ำเพ้อความเป็นมาของมะเร็งจากพระเจ้าว่าต้องการให้เขาเป็น เพราะถ้าไม่ใช่พระเจ้าเขาคงไม่เป็น และถ้าเขาไม่เป็นคนอื่นก็จะเป็น ฉะนั้นเขาจึงต้องเป็นเพราะพระเจ้า มองกลับกัน"พระเจ้า"คือคำพูดเชิงอุปมาอุปไมยที่สะท้อนภายใต้จิตใจของคนนั้นยิ่ง"โกหก"มากเท่าไหร่ความจริงยิ่งน้อยลง เช่นเรื่องของนิโคลที่เกิดอยากยาต้องรีบหาคนที่ช่วยได้ คำว่าช่วยไม่ได้หมายถึงห้ามหรือยับยั้งแต่เป็น"ให้"ยาไปเสพ นิโคลโชคดีนิดๆตรงที่ว่าเพื่อนนิโคลให้เอาไปแบบฟรีฉันท์มิตรแล้วห้ามว่าอย่าเล่นเข็มเด็ดขาดเพราะมันแรง ทีนี่เธอกลับบ้านเช้าของเธอที่อัดอั้นมานานในความกระหายยา ซึ่งเธอเปล่าใช้เข็มใดๆนอกจากสูดทางจมูกจนบังเอิญทำกล่องตกพื้น สิ่งที่กระเด็นจากกล่องคือเข็มที่ออกจากกล่อง ผลที่ตามมาคือความสุขร่วมจากการใช้เข็มที่ทำให้เธอสัมผัสรสของยาเกินขนาดแล้วโคม่าไป สรุปว่าพระเจ้ากำลังเล่นตลกให้เธอเจอเข็มนั้นหรือเปล่า หรือเป็นความกระหายของเธอทีห้ามตัวเองไม่ได้ หรือเธอกำลังโกหกตัวเองว่าจะไม่แตะต้องเข็ม"ฉันสัญญา"
 

ย้อนมาที่วิปหลังจากจัดการปัญหาที่บ้านจนขาวสะอาดเช่นบ้านใหม่ ระหว่างทางขับรถเขานึกอะไรบางอย่างออกและลองไปหานิโคล ซึ่งเจอในตอนกำลังโดนข่มขู่จากเจ้าบ้านที่กำลังร้องให้เอาเงินค่าเช่ามาจ่ายสักที ใช่แล้วความเป็นฮีโร่ในตัวของวิปยังมีอยู่ซึ่งเขาเข้าไปจัดการเจ้าของบ้านให้มาเคลียร์เงินที่เขาดีกว่าไหม ตอนนั้นเองที่นิโคลย้ายไปหาที่อยู่อื่นและไม่สามารถไปต่อได้จากเหตุที่ว่ารถเสีย เลยกลายเป็นว่าต้องไปกับวิปโดยวิปยินดีให้อยู่อาศัยที่บ้านได้ การได้อยู่บ้านเดียวกันไม่ต่างจากการร่วมถนนเดียว ทำให้กลายเป็นความผูกพันระหว่างวิปกับนิโคลที่เดิมจากคนรู้จักเพียงเพราะสูบบุหรี่เป็นคนรัก ความสนิทสนมไปได้สวยและดีขึ้นจนนิโคลสามารถช่วยตัวเองได้จากการหางานทำ ในขณะที่ชีวิตของวิปยังไปต่อไม่ได้ถ้าคดียังไม่จบและเขาทำได้อย่างหนึ่งคือการมองท้องฟ้าที่มีสิ่งเล็กๆกำลังผ่านตาของเขาไป นั้นคือเครื่องบิน

หลังจากนิโคลได้ชีวิตของเธอใหม่และพร้อมรับแบบนั้นอย่างพึงพอใจ วิปเองยิ่งผ่านนานไปยิ่งเบื่อหน่ายทุกวันกับเรื่องคดีที่ไม่จบจากหลักฐานที่เล่นเขาเรื่อยๆจากเหตุของสุราที่เขาไม่ยอมรับ จะให้รับได้ไงเมื่อได้เป็นฮีโร่ทุกคนเห็นว่าเป็นเพราะใครที่ช่วยชีวิตคน ไม่อย่างนั้นก็ตายกันทั้งลำไปแล้ว ส่วนชาร์ลีกับทนายฮิวจ์ต่างช่วยเหลืออุดข้อกล่าวหาต่างๆให้บิดเบือนในการโดยความผิดมาที่วิป จนได้เบาะแสเชื่อถือว่ามาจากเครื่องยนต์ขัดข้อง เพียงมีอยู่อย่างที่ตะหงิดใจคือขวดวอดก้า ด้วยเหตุสุดวิสัยวิปได้สั่งห้ามมีการเสริฟ์เครื่องดื่มในช่วงเวลานั้น แต่เขากลับแอบเติมวอดก้าในเครื่องดื่มอย่างลับๆ จนเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมวิปมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงสุด และด้วยเรื่องราวนี้ได้บีบเขาจนรู้สึกถึงความท้อแท้ที่ไม่นานหลังจากเวลานี้ด้านมืดในใจได้กลับมารุนแรงจนขาดการควบคุม จนต้องพึ่งเครื่องดื่มเหล้าทุกอย่างที่จะช่วยเยียวยาใจได้ สำหรับนิโคลที่ได้ชีวิตใหม่การกลับมาบ้านทำให้เห็นสภาพสุดย่ำแย่ของวิปที่ไม่น่าจะใช่ได้ จึงรู้ทันทีว่าเขาเป็นคนติดสุรา


อันที่จริงการที่วิปติดสุราไม่ใช่เรื่องของการเยียวยาใจอย่างที่เข้าใจ เริ่มจากที่นิโคลเสนอประชุมเล็กๆที่เปอดอิสระคนนอกสามารถเข้ามาได้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสุราโดยงานประชุมนี้วิปได้เข้าไปฟังด้วย เพียงทุกคนฟังบรรยายต่างมีความสุขที่ได้ฟังยกเว้นวิปที่เหมือนดูละครน้ำเน่าที่แสนเบื่อหน่าย ไม่มีความสุขไม่มีอารมณ์ขันใดๆคล้ายกับได้ยินเรื่องโกหกที่รู้ความจริงอยู่ก่อน สุดท้ายวิปไม่เลือกอยู่ต่อแม้จะมีนิโคลก็ตาม วิปกลับบ้านก่อนและคงดื่มเหล้าเช่นเคยและระลึกความหลังไปพลางกับเครื่องบินในโรงเก็บ ส่วนนิโคลที่กลับได้แนะนำให้วิปเลิกจากสุราพวกนั้นอย่างจริงจังเพราะหวังดีกับวิปไว้มาก แต่วิปเองที่เคืองยิ่งกว่าเก่าจนเกิดทะเลาะกันจากเรื่องเดียวกลายเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง สุดท้ายนิโคลจากวิปไปโดยไม่ให้รู้ตัวนอกจากเขียนบอกลาเอาไว้เท่านั้น

ชีวิตของวิปต้องการความแน่นอนจากทุกเสียงที่เป็นพยาน เนื่องจากลูกเรือรู้ว่าเขามีกลิ่นตัวโชยจากเหล้าที่หึ่งนอกจากนี้ยังเพ้อพูดเกี่ยวกับพระเจ้ามาอ้างที่ไม่รู้จะถูกหรือผิด เขาจึงพยายามเขาถึงคนที่เป็นพยานจากลูกเรือที่รอดชีวิตเพื่อบอกว่าเขามีสภาพที่พร้อมในการบินให้ทุกอย่างปกติ เช่นเดียวกับผู้ช่วยบินเคนที่ตื่นจากอาการโคม่าแลวพบกระดูกขาแตกและคาดว่าคงกลับไปบินไม่ได้อีก ท่าทีตอนไปหาเคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันเบาๆจากการมองหน้า ตามด้วยบทสนทนาเชิงชิงชังที่กล่าวหาวิปแบบอ้อมๆ แต่ด้วยเหตุผลแล้วสำหรับวิปถ้าไม่ใช่เพราะเขาทุกคนจะมีสิทธิ์รอดกันไหม เคนเองยังตอบว่าไม่และขอบคุณส่วนหนึ่งที่ไม่ทำให้เขาตาย ที่สำคัญเคนน่าจะเคร่งศาสนาอยู่บ้างถึงได้ชวนวิปขณะนั้นสวดอ้อนวอนพระเจ้าในเวลาที่ผ่านมา เคนเชื่อในพระเจ้ามากส่วนวิปเปล่าเลย เขาไม่ได้ปฏิเสธจะร่วมวงสวดมนต์แต่ทำอย่าไม่เต็มใจเพื่อซื้อใจให้เคนบอกว่าวิปมีสุขภาพที่พร้อมทั้งกายและจิต แล้วคนไม่เชื่อในพระเจ้าอย่างวิปจะไปไหนต่อเมื่อต้องอยู่คนเดียวที่ห่างไกลคำว่าอิสระจากการบิน


วิปมีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างตั้งแต่ครอบครัวตลอดจนอาชีพที่น่าลงตัวทุกสิ่ง ถ้างั้นทำไมถึงอยู่คนเดียวล่ะแล้วครอบครัวของวิปหายไปไหน อันนี้เป็นคำถามที่ดีในการกัดจิกชีวิตของวิปด้วยเหตุที่ว่าเหมือนคนมีอิสระเสเพลไปวันๆทั้งสุราและผู้หญิงจนเริ่มไม่เข้าใจว่า"ฮีโร่"ควรเป็นเช่นนี้หรือไม่ หรือ"พระเจ้าต้องการ"ให้เขาเรียนรู้ใน"การโกหกเพราะตัวเอง"

วิปมีนิสัยหัวแข็งยิมต่อเรื่องที่ตัวเองทำว่าผิดได้ยากและไม่เข้าใจถึงชีวิตรอบข้างได้ดี ฉะนั้นการที่เขาทำให้ทุกคนรอดจากเครื่องบินตกอาจเป็นไปได้ว่าไม่ได้ทำเพื่อใครนอกจากตัวเองที่ยังไม่อยากตาย จึงไม่แปลกเลยว่าทำไมเขาไม่ภูมิใจมากนักกับการที่ตัวเองรอดมาได้ บางทีเขายังต้องอยู่ต่อเพื่อเรียนรู้อีกมากกับการอยู่อย่างไม่อิสระ มีหลายคนภูมิใจวิปแต่มีหลายคนเกลียดเขาไม่เปลี่ยนโดยเฉพาะครอบครัวทั้งลูกและเมียที่ไม่ยอมแม้แต่เข้าบ้านอย่างฉันท์มิตรที่ดี ในยามรู้สึกสิ้นหวังเข้าไปกอดลูกยังถูกลูกคิดรังเกลียด ขัดขืนไม่อยากเข้าใกล้สักนิดเดียว อันเพราะ"พ่อติดเหล้า"

คงไม่มีแย่ไปกว่าการทำใจยอมรับโดยที่ทำเป็นไม่ยอมฟังแล้วยกตัวเองคือคำตอบที่ดีที่สุด ก็อย่างที่รู้วิปไม่ชอบพระเจ้าและไม่คิดด้วยว่าตัวเองต้องยอมใครเหมือนยอมก้มหน้าก้มดื่มเหล้า เขาคิดว่าที่ตัวเองดื่มเหล้าเป็นเพราะเขาเลือกเองไม่ใช่เหล้าเลือกเขา ซึ่งนั้นแหละที่วิปทำ"การโกหกเพื่อตัวเอง" ในขณะที่วิปมองแบบนี้คนอื่นไม่ได้คิดแบบนั้นด้วยจึงไม่แปลกเลยถ้าเขาจะถูกทิ้งเพราะเรื่องสุรา วิปอาจรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวเมื่อหลังจากดื่มเหล้าเข้าไปเพราะยิ่งนั้นทำให้ด้านมืดมันชัดยิ่งกว่าผิวสีเขาเสียอีกจนนักข่าวเริ่มระแคะระคายบ้างแล้ว และแล้ววันก่อนขึ้นศาลชาร์ลีกับทนายฮิวจ์ต้องเชิญตัววิปมาเตรียมตัวก่อนขึ้นศาลโดยให้ทั้งการพูดและการตอบตามที่บอกเอาไว้จากนั้นทุกอย่างจะลงตัว แล้วเชื่อหรือไม่ก่อนจะขึ้นศาลคนอย่างวิปยังทำให้หลายอย่างพังได้เพราะโรคเพียงอย่างเดียวที่มี
 

ก่อนขึ้นศาลวิปรู้ตัวดีว่าต้องทำยังไงบ้างเกี่ยวกับนิสัยแย่ๆที่ติดเหล้าไม่เลิก ซึ่งเขาไม่ออกจากบ้านชาร์ลีเลยนับตั้งแต่ไปหาครอบครัวแล้วมีนักข่าวดักหน้าบ้าน นับว่ายังดีที่ตอนนั้นวิปมีสติมากกว่าจะมึนเมาต่อนักข่าวแล้วพูดพล่อยๆออกไป ในคืนก่อนขึ้นศาลทุกอย่างไปได้สวยแน่ถ้าเขายังไม่แตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สักนิด ใช่แล้ววิปพลาด เราอาจเห็นว่าวิปเริ่มสำนึกอะไรบางอย่างได้แต่นั้นก่อนเปิดตู้เย็น สิ่งที่วิปและเราเห็นคือเครื่องแอลกอฮอล์เต็มตู้เรียงอย่างสวยงาม มีความเชื่อในใจอย่างหนึ่งว่าวิปไม่หยิบแน่นอนก่อนขึ้นศาลคงไม่อยากตัวเหม็นเหล้าแน่ๆเพราะเรื่องที่จะขึ้นศาลนั้นหมายถึงเขาที่เกี่ยวพันกับเหล้าโดยตรง แต่ก็ไม่มีหยุดได้เมื่อหยิบขวดแรกออกมาแล้วเปิดฝาสูดดมเบาๆแล้วครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตามมา เขาตัดสินใจปิดฝาวางทิ้งเอาไว้บนตู้เย็น ซึ่งนั้นเองคือสิ่งที่ผู้ชมเห็นว่าวิปคือ"ฮีโร่"ที่ข้ามขีดตัวเองได้ แต่นั้นแค่ตอนนั้นเท่านั้นก่อนจะมีมือใหญ่คว้าขวดที่วางไว้แล้วหายไปกับความมืดที่พรุ่งนี้เช้าห้องโรงแรมเต็มไปด้วยความชุลมุนข้าวของ ขวดเหล้าวางเรียงเละเทะซึ่งมันว่างเปล่า

ฮาร์ลิงคือเพื่อนอีกคนของวิปที่เข้ามาจัดการเรื่องไม่เป็นเรื่องของวิปก่อนขึ้นศาล รู้ไหมเขามาทำไม ก็เพื่อจัดการให้วิปตื่นมีสติหลุดจากอาการมึนเมาด้วยวิธีให้โคเคน ส่วนชาร์ลีกับทนายฮิวจ์ได้แต่มองวิธีนี้เพราะมันช่วยได้แต่จะยังไงนั้นมันต้องขึ้นอยู่กับวิปแล้วว่าจะตอบคำถามอะไรกับโจทย์ที่จะเจอในคดีเครื่องบินตก


เมื่อวิปฟังข้อสันนิษฐานต่างๆและคำถามต่างๆว่าเขาเป็นคนติดเหล้าไหม ก่อนหน้าจะขับเครื่องบินได้ดื่มไหม ซึ่งวิปได้ปฏิเสธไปทุกครั้ง จนมีคำถามเดียวเท่านั้นที่วิปไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกแบบนี้ได้ นั้นคือเรื่องเครื่องดื่มวอดก้าที่ตกค้างอยู่สองขวด ซึ่งไม่มีใครยุ่งกับเครื่องดื่มได้นอกจากส่วนของห้องนักบินที่มีเพียงคนขับกับลูกเรือ ตามกฎหมายแล้วการมีของมึนเมาในขณะขับถือว่าผิด แม้จะอิงอาศัยที่ว่าเครื่องบินตกเพราะเครื่องยนต์ขัดข้องก็ตามเพียงนั้นแค่อีกเรื่องหนึ่งเท่านั้น และคำถามมีอยู่ว่าเป็นความเห็นของเขาใช่ไหมที่ลูกเรือคนหนึ่งเป็นคนดื่มวอดก้าเพราะติดสุรา ซึ่งมีหลักฐานที่ว่าเธอคนนั้นเคยไปเข้าประชุมคนติดสุราเมื่อไม่นาน แล้วเธอคนนั้นคือคนที่วิปรู้จักดีอีกคนแม้จะเสียชีวิตไปแล้วกับเหตุการณ์นั้น เพียงสิ่งหนึ่งที่เขาคิดคือทำไมความผิดนี้ไม่ได้ถูกชำระแต่กลับไปอยู่อีกคนหนึ่ง นี้คือคำถามสุดท้ายที่วิปต้องตอบใช่เท่านั้นเรื่องจึงยุติให้พ้นโทษ เพียงตอนนี้ในใจเริ่มสำนึกและเข้าใจตัวเองแล้วว่า"ไม่ใช่พระเจ้าต้องการแต่มันเป็นที่เขาเลือกเอง" เขาเริ่มเห็นถึงชีวิตที่ตัวเองเป็นไม่ใช่แค่ตอนนี้ที่เปลี่ยนแปลงได้ถ้าเกิดก่อนหน้านี้เขาเปลี่ยนมันจริงๆคงต้องเลิกกับการ"โกหกเพื่อตัวเอง" มันคงสายไปแล้วที่คิดแบบนั้น

ตอนนี้วิปไม่ได้อยู่ที่บ้านตามลำพังหรือขับเครื่องบินอย่างก่อนอีกแล้ว ตอนนี้เขามีอิสระมากเท่าที่ชีวิตเขาจะมีมา การอยู่ในคุกไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรกับคนที่เข้าใจยอมรับในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ช่วงเวลาที่ผ่านมาอาจไม่ดีกับใครหลายคนแต่ตอนนี้ไม่มีใครคิดแบบนั้นอีกแล้วอาจเป็นเพราะอยู่ข้างนอกทำเรื่องแย่ไว้เยอะพออยู่ในคุกอะไรๆก็เงียบไปหมด ถึงต้องเหงาโดดเดี่ยวในกรางแคบๆ แต่ครั้งนี้มีอิสระยิ่งกว่าเหมือนได้บินอีกครั้งโดยไม่ต้องขับ มีความรู้สึกที่ว่านี้คือความจริงบางทีตอนนั้นคงเป็นจุดอิ่มตัวของการโกหก ถ้าตอบว่าใช่ชีวิตคงไม่เป็นแบบนี้เพียงแค่ว่าถ้าตอบไปทุกอย่างจะไม่เหลือความจริงอยู่เลย ซึ่งนั้นเองที่ตอบว่าไม่ "ผมเป็นคนดื่มวอดก้า วันก่อนผมก็เมา ขับเครื่องบินก็เมา ตอนนี้ผมก็เมา"

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)