Friday the 13th (1980) ศุกร์ 13 ฝันหวาน

Friday the 13th (1980) | ศุกร์ 13 ฝันหวาน
Director: Sean S. Cunningham
Genres: Horror | Mystery | Thriller

เป็นเมื่อสมัยก่อนตอนที่หนังยังใหม่อยู่ใครๆต่างเกรงให้กับเรื่องนี้เพราะความสยอง ความสยองในทีนี้มีมากกว่าความบันเทิงของเสียงกรีดร้องแต่เป็นความสมจริงสมจังขนาดหนักที่ว่ามีเชือดมีเฉือนชวนแหวะในความเนียบเนียน ตามด้วยสไตล์การดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนเกือบจบก็ไม่รู้ว่าใครคือฆาตกร ยอมรับว่าสมัยนั้นกระแสเรื่องนี้จัดว่าคุ้มค่ากับการเป็นหนังสยองขวัญที่น่าจดจำ แม้จะไม่สมบูรณ์ไม่ทุกอย่าง แต่สิ่งเดียวที่การันตีได้เสมอมาคือความเสมือนจริง


Friday the 13th จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นตำรับยอดฮิตที่สร้างความฮือฮากลายเป็นสูตรหนังสยองขวัญในเวลาต่อมา โดยเฉพาะเรื่องพฤติกรรมของเหล่าตัวละครที่ต้องตายชัวร์หรือไม่ชัวร์ที่สำหรับเรื่องนี้ต้องพบกันบ่อยคือเวลาวัยรุ่นมีอะไรกัน ถ้าไม่ก่อนก็หลังจำต้องตายกันแน่นอน หรือบางทีก็ฆ่าทั้งยังบนเตียงแบบนั้นเลย ถือว่าเป็นเรื่องจังหวะที่ทำให้ผู้ชมสะดุดอารมณ์ไปเป็นอย่างอื่นได้แบบเร้าใจ อีกด้านอารมณ์หนึ่งคงทำให้สะเทือนใจกันไปเลย ส่วนคำถามจะเกิดขึ้นทันทีว่าทำไมหนังชุด Friday the 13th ต้องมีการฆ่าแบบนี้เกิด ตรงนี้แหละที่มีปมประเด็นซ่อนอยู่ ซึ่งคงมีแต่ภาคแรกภาคนี้เท่านั้นที่ไขกระจ่างได้ ส่วนผู้ชมจะจับใจความได้มากน้อยแค่ไหนนั้นอันนี้คงให้เก็บไปพิจารณากันเอาเองว่าเหตุผลที่หนังเล่านั้นสมควรก่อให้เกิดเรื่องแบบนี้ใช่หรือไม่

ตามจริงถ้าใครรู้ก็รู้ไป ถ้าใครยังไม่รู้ขอให้ข้ามสองย่อหน้านี้ไปเลยจะดีกว่า เพราะเดี๋ยวจะรู้ความจริงกันพอดีว่าใครคือฆาตกรคนนั้นในภาคนี้ แต่ว่าบางคนต้องบอกว่าเป็นเจสัน วอร์ฮีส์ใช่ไหมล่ะ คือเรื่องแบบนี้มีที่มาที่ไปและที่สำคัญภาคนี้ไม่ใช่เจสันอย่างที่บางคนคิด เนื่องจากคนที่เป็นฆาตกรนั้นมีความสำคัญต่อเรื่องราวภาคต่อ ซึ่งนั้นจะเป็นปมเล็กๆในตัวเจสันแล้วว่าทำไมเขาถึงอยากฆ่าคนกันนักหนา และต้องลงเอยที่วัยรุ่นด้วย พออ่านถึงตรงนี้ถ้ารู้ตัวว่ายังไม่รู้ก็ย้ำว่าข้ามไปก่อนนะเดี๋ยวสปอยตอนจบแล้วจะหมดสนุก เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า งั้นเพื่อง่ายต่อการบอกเล่าจะขอตอบเลยว่าคนที่เป็นฆาตกรในภาคนี้คือคนในครอบครัวของเจสัน และเธอคนนั้นคือแม่ของเขาเอง แล้วเพราะอะไรแม่ของเจสันจึงเป็นฆาตกรฆ่าคนได้ล่ะ ปมนี้ได้ซ่อนและบอกเอาไว้ในตอนท้ายเรื่องที่แม่ของเจสันได้เล่าเรื่อราวเกี่ยวกับลูกชายที่ตกน้ำ แล้วมีกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่ยอมเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งยังมีอะไรกันแบบไม่แคร์สื่อ แต่ถึงอย่างนั้นเธอยังพยายามตะโกนเรียกให้คนมาช่วยลูกของตัวเอง และสุดท้ายแม่ของเจสันกลายเป็นคนเสียสติ


ประเด็นคือแม่คนนี้มีความห่วงใยลูกอย่างมาก เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาที่ผิดแปลกทำให้หลายคนไม่อยากเข้าใกล้นัก แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาอะไรถ้าจะช่วยเด็กที่ตกน้ำขึ้นมา ทว่าการช่วยเหลือกลับไร้การกระทำใดๆ และตอกย้ำจิตใจความเป็นแม่สุดแสนทรมานต่อหน้าต่อตา ฉะนั้นเหตุผลหลักๆที่ว่าต้องเป็นวัยรุ่นเพราะความเกลียดชังเมื่อครั้งอดีต และตอนนั้นเองที่แม่ของเจสันต้องสติไปกลายเป็นอีกคนหนึ่งที่มุ่งแต่การฆ่าในสถานที่อันคุ้ยเคย ณ ทะเลสาปคริสตัล คิดว่าตรงนี้ยังมีอะไรให้คิดต่อไปได้อีกอย่างเรื่องพวกวัยรุ่น ช่วงนี้จะเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อมีความคิดของตัวเองค่อนข้างสูงและหาความพยายามใส่ตัวอย่างมากกับเรื่องที่ตนเองสนใจเท่านั้นเป็นส่วนใหญ่ ชีวิตคู่ก็เช่นกัน เวลามีแฟนบางที่ก็ง่ายบางทีก็ยากแต่พอไปด้วยกันได้อะไรๆก็ดูจะแฮปปี้เป็นส่วนใหญ่ เหมือนกลุ่มวัยรุ่นในเรื่องนี้ที่ไม่คิดจะเครียดเลยสักนิดกับปัญหาเพราะมีเพื่อนๆอยู่ และการไปไหนมาไหนก็ใช่เรื่องแปลกถ้าจะไปกันสองต่อสอง เหมือนกับว่าปล่อยเลยตามเลยคิดเห็นยังไงก็ไปแบบนั้นไม่ค่อยคิดมาก ซึ่งการไปไหนมาไหนแล้วไม่ใครอยู่มักจะเกิดอารมณ์ทางเพศกันง่ายแล้วพอเกิดก็หยุดยาก เพราะไม่รู้จักควบคุม ก็เหมือนตอนขอให้ช่วยลูกที่จบน้ำยังไม่คิดจะสนใจเลย เป็นพี่เลี้ยงที่แย่มาก ปัญหาวัยรุ่นแบบนี้ใช่ว่าจะเป็นในหนังอย่างเดียวเสมอไป

กลับมาเข้าเรื่อง Friday the 13th กันเลยดีกว่า ดูเหมือนจะบ่ายเบี่ยงไปเยอะเหมือนกัน เนื้อเรื่องก็เหมือนกันที่แคมป์คริสตัลแลป เป็นช่วงของกลุ่มวัยรุ่นที่จะมาพักร้อนเล่นน้ำในทะเลสาปกันอย่างสบาย ในขณะที่ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือถึงสถานที่แห่งนี้ว่ามีคนตายจนต้องปิดทำการไป และตอนนี้เองแคมป์แห่งนี้ได้กลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง ระหว่างการเปิดแคมป์อันสมบูรณ์ทุกคนต่างแยกย้ายตามอัธยาศัยทำหน้าที่ของตัวเอง ทว่าความสยองได้คืบคลานเข้ามาจัดการเหยื่อทีละรายอย่างสยดสยอง การฆ่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว


อย่างที่รู้กันว่าความสยองจัดว่าน่ากลัวและสมจริง พอจะแทงก็แทงกันจะๆแทบไม่ต้องใช้มุมกล้องหลบหรือตัดต่อกันเลย ฉะนั้นอารมณ์ผู้ชมคือการได้เสพความแหวะที่รุนแรง แต่ไม่ได้ถึงขั้นต้องเละกระจุยเลือดเนื้อเป็นการฆ่าแบบธรรมดา ฉากที่น่ากลัวและคิดว่าเด็ดที่สุดคือตอนนอนบนเตียงแล้วจู่ๆมีมือมาจับหน้าผากกดหัวเอาไว้ ซึ่งตอนนั้นเริ่มมีมีดค่อยโผล่มาที่คออย่างช้าๆ มีดเองก็บิดซ้ายหน่อยขวาทีเลือดค่อยซึมออกมา รายละเอียดความเหมือนนี่ถือเป็นไม้ตายของเรื่องนี้ก็ว่าได้ และยังไม่หมดความน่ากลัวที่ความสยองได้เลือดเท่านั้น ทั้งนี้หนังยังสร้างตัวฆาตกรที่ไม่รู้ว่าคือใครผ่านสายตาที่ทำท่าหลบๆซ่อนๆตามต้นไม้ เป็นฝ่ายแอบมองที่ค่อยสุ่มจังหวะ ถือเป็นความหลอนอีกระดับหนึ่ง ส่วนจังหวะการฆ่าและการตายถือว่าไม่เลวเลย ถ้ามองเรื่องเวลาแล้วจัดว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่าได้เก่งและเนียบเนียนในการจัดการเหยื่ออย่างลับๆ ก็คิดเอาล่ะกันว่าในแคมป์มีกันกี่คน และแต่ละคนที่ตายไปไม่มีใครรู้เรื่องรู้ราวเลย สุดท้ายกว่าจะรู้ว่าตายกันก็เหลือตัวเอกของเราเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่รู้ความจริงว่าเพื่อนของตัวเองตายกันหมดแล้ว ที่ชอบคือการจัดการคิวระดับการฆ่าตั้งแต่คนไกลตัวไปถึงคนสำคัญใกล้ตัวตามด้วยประโคมความตกใจผ่านตัวตัวละครสุดท้ายด้วยการศพทีละรายให้ช็อคกันไปข้างหนึ่งเลย

ที่โดดเด่นอีกอย่างคือเรื่องของสถานที่ จัดว่ามีความลึกลับในตัวและน่าระแวง เพราะเป็นพื้นที่ป่าไม้แล้วไหนจะห่างจากตัวเมือง โอกาสขอความช่วยเหลือได้ทันจึงเป็นไปโดยยาก ฉะนั้นเวลาเกิดเรื่องต่อให้ตะโกนร้องดังแค่ไหนก็ไม่ใครเข้ามาช่วยได้แน่นอน อีกอย่างคือการอำพรางและความชำนาญ กับเจ้าฆาตกรคนนี้ถือว่าเก่งในการฆ่าแบบสุ่มพอตัว เพราะเท่าที่สังเกตจะตายกันเพราะโดนฆ่าอย่างไม่ทันตั้งตัว แบบโผล่มาฆ่าตายทันที แต่ก็ยังไม่เห็นหน้าฆาตกรอยู่ดี สงสัยอยากให้ลุ้นว่าเป็นใครกันแน่ที่ทำ ฉะนั้นต้องดูจนจบถึงจะรู้ว่าใคร


ด้านเพลงประกอบจัดมาเพื่อเอาตกใจโดยเฉพาะ เป็นเสียงกระจกแตกที่ชวนสะดุ้งเอาลุ้นแบบสไตล์หนังเก่าเอาขลัง เหมาะกับฉากไล่ล่าเอาลุ้น แต่หนังไม่ค่อยจะเอาลุ้นนี่สิมาถึงก็แทงเฉาะๆกันแล้ว ไม่ปล่อยให้ตั้งตัววิ่งหนีกันเลย บรรยากาศหนังค่อนข้างธรรมชาติพาสบาย แต่เอาจริงไม่คิดแบบนั้นอ่ะสิ กลายเป็นเรื่องน่ากลัวไม่อยากเข้าป่าเลยมากกว่า หนังมีการเล่าเรื่องแบบเรื่อยๆไม่รีบหรือเร็วเกินไป พยายามพาให้ครบทุกองค์ประกอบไม่ว่าจะทะเลสาป ซ่อมบ้าน หรือเวลายามว่างมานั่งคุยกันถึงเรื่องแคมป์ ทำให้หนังดูมีทิศทางที่ดีในการสร้างว่าที่แห่งนี้เคยร้างมาก่อนและกำลังเปิดใหม่

สิ่งที่น่าเสียดายอยู่อย่างคือตอนจบที่ตัวฆาตกรโผล่มาง่ายไปหน่อยทั้งที่ฆ่าแบบไม่ตั้งตัวมาโดยตลอด(ก็ฆ่าเก่งแบบนั้น ถ้าจะจบจริงไม่น่ามีใครรอด) ตอนนั้นก็เหลือตัวเอกของเราคนหนึ่ง ช่วงท้ายนี้เป็นอะไรที่หนังพยายามทดแทนอย่างมาก เพราะสไตล์การฆ่าก็เห็นอยู่ว่าโผล่สับแทงตายชัวร์ไม่มีไล่ล่า ตอนท้ายจึงต้องไล่ฆ่ากันให้หน่ำใจ ซึ่งมันออกจะหงุดหงิดไปหน่อยตรงที่ว่าพอรู้ตัวจริงของฆาตกรนี่สิจะวิ่งไปไหนทำไมไม่ลองเข้าไปสู้ตัวต่อตัวไปเลย ตัวเอกของเราก็สติแตกวิ่งหนีไปสู้ไปทำฆาตกรล่วงล้มไปหลายรอบ แต่ไม่ยักกะเข้าไปซ้ำเอาแต่หนีอย่างเดียว เจ้าฆาตกรเองก็ลุกขึ้นมาได้ทุกครั้งไม่ยอมแพ้เหมือนกัน สุดท้ายต้องสู้กันจนได้ ทีแรกตัวเอกเอาแต่หนีพอเอาจริงกลับเป็นฝ่ายโหดเว่อร์(แล้วตอนแรกจะหนีให้เสียเวลาทำไร)

ก็ถือว่าดีเหมาะกับคอหนังสยองขวัญ มีอะไรหลายๆอย่างทำได้น่ากลัวน่าหลอน แม้เรื่องมุมกล้องไม่มีอะไรเข้ามาใหม่เพียงได้การเมคอัพระดับเยี่ยมขนาดนี้ก็คุ้มค่า

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)