Smash Cut (2009) หั่นเป็นท่อนแล้วหลอนบนฟิล์ม

Smash Cut (2009) | หั่นเป็นท่อนแล้วหลอนบนฟิล์ม
Director: Lee Demarbre
Genres: Comedy | Horror
Grade: F

มองว่าชิมหนังสยองเกรดบีที่มีดารานักแสดงอันโด่งดังในแถบยุโรปกันบ้างดีกว่า แล้วใครกันล่ะที่ว่าโด่งดังทั้งที่นอกจาก Michael Berryman จากเรื่อง The Hills Have Eyes (1977) แล้วไม่มีอันคุ้นหน้ากันสักคน ลองมองไปที่โปสเตอร์แล้วพิจารณาว่าเธอคือใคร ใช่แล้วถ้าใครเคยเห็นหน้าจะรู้ทันทีว่าเป็น Sasha Grey


คำถามอยู่ที่ว่าเธอคือใคร แล้วโด่งดังยังไง อันนี้ขอให้เป็นเรื่องทำความเข้าใจกันก่อนว่าเธอคนนี้ปกติไม่ได้เล่นหนังแนวนี้ แต่เล่นอู้หู อื้อหือ อ้าหา ซี้ดดดด(มีอะไรต้องอธิบายไหม) ฉะนั้นหนังชูหน้าตาด้วยนักแสดงเธอคนนี้ด้วยสายตาคมกริบ

เรื่องมีอยู่ว่าเอเบล วิทแมน (David Hess) ผู้กำกับหนังเกรดบีที่หลงใหลในงานสยองขวัญที่มองว่าหนังของตัวเองบรรเจิด เมื่อนำไปฉายในโรงหนังปรากฏว่าความสยองและความน่ากลัวของเขาถูกมองด้วยความตกต่ำ ได้รับการตอบรับด้วยความไม่ประทับใจจากผู้ชมทุกคนที่มองว่าผู้กำกับหนังห่วยเอ็ด วู๊ดยังมีดีกว่าเยอะ เอเบลเสียใจและหมกตัวอยู่แต่ในบาร์เปลือยดื่มเหล้าเพื่อเยียวยารักษาใจทั้งที่หนังของเขาเป็นศิลปะมีมุมมองระดับเชคสเปียร์ แต่นั้นก็ทำให้เขาได้พบกับโคโยตี้ที่ชื่อจีจี้ (Jennilee Murray) ซึ่งจากแววดาราอันเฉิดฉายของสาวร้อนรักคนนี้ทำให้เอเบลตัดสินใจชักชวนเธอมาแสดงนำในโปรเจ็คหนังต่อไปของเขา เมื่อได้ตัวจีจี้สำเร็จไม่นานเขาพลั้งพลาดขับรถเกิดอุบัติเหตุ ทำให้จีจี้ตายทันที และเอเบลต้องหาวิธีกำจัดศพ ทว่าเกิดความคิดเล็กๆขึ้นถ้าเขาลองใช้ศพจีจี้เข้ามาใช้ในกองถ่าย แล้วให้ทุกคนคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ใช้การแสดง บางทีอาจเป็นเรื่องระดับสุดยอดก็เป็นได้ หลังจากลองใช้ศพจีจี้เข้ามาใช้ทำให้มีเสียงกระแสในแง่บวกมากขึ้นเรื่องความสมจริงที่เหมือนมาก ทำให้เอเบลคิดว่าการใช้ศพของจีจี้คงไม่พอต่อการใช้แสดงแน่ๆ ที่สำคัญศพเริ่มเน่าแล้วด้วย จึงคิดว่าน่าจะลองหาสิ่งใหม่ๆเพิ่มเติม งานนี้หนังสยองขวัญจะสมบูรณ์มากขึ้นคงจะใช้ศพเดียวต่อไปไม่ได้อีกแล้ว


หึๆถ้าคิดเอาเองเล่นๆหนังเรื่องนี้คงได้กระแสอยากดูเพราะ Sasha Grey อย่างน้อยก็ส่วนหนึ่ง เพราะอยากที่บอกเธอเคยเล่นหนังที่อุตสาหกรรมนี้ไม่มีวันเจ๊งได้ และตอนนี้ลองมาเล่นหนังสยองขวัญฟอร์มเล็กที่ให้งานใส่เสื้อผ้าได้นานที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง(ปกติไม่กี่นาทีก็ปลิวหมดเปลือก)

ทีแรกคิดว่าคงดูเรื่องนี้ไม่จบแน่ๆเลย เนื่องจากมีความน่าดูที่น้อยเหลือเกิน เริ่มจากที่ตัวหนังคล้ายทำไม่เสร็จหรือจะเรียกว่ารีบก็ว่างั้น ถ้าลองสังเกตพฤติกรรมการแสดงของแต่ละบุคคลจะเห็นว่ามีทีจริงทีเล่นปะปนกันไปหมดจนไร้อารมณ์ร่วม ยอมรับในพล็อตเรื่องที่คงโรคจิตไม่เบา แต่พอเถอะนี่มันปัญญานิ่มเกินไปแล้ว ไม่ได้อยากว่าหรอกนะ แค่เผอิญแปลกมากในหลายๆฉากที่รู้สึกขัดใจ อย่างเช่น ตอนที่ Sasha Grey แสดงหยิบหัวจากศพจีจี้เพราะคิดว่าเป็นอุปกรณ์การแสดงเผื่อแสดงฝีมือเข้าไปเป็นนักแสดงให้กับเอเบล ซึ่งในก่อนหน้านี้ได้ปิดประกาศตามหาพี่สาวหรือก็คือจีจี้ แล้วตอนที่ทดสอบการแสดงที่ถือนั้นไม่ได้มองหน่อยหรือไงว่าคือหัวใคร บางทีอาจมีเรื่องทำความเข้าใจกันสักหน่อยโดยเฉพาะการใช้อุปกณ์ในหนังเรื่องนี้ ทั้งการเมคอัพหรือการแสดงที่น่าบ่นและน่าเบื่อ จนนึกในใจว่าไม่มีอะไรทำได้น่าดูหรอก


Smash Cut เป็นหนังสยองขวัญที่ใช้วิธีความสยองแบบแหวะเละด้วยเทคนิคเก่าๆ ทว่าหนังทุนต่ำเหลือเกินเพราะเอฟเฟคต่างๆใช้ไม่ได้เรื่องสักชิ้น เห็นกันชัดๆว่าไม่เนียน หัวคนขาดยังกับไปขโมยหุ่นตั้งโชว์ร้านเสื้อผ้าแล้วลงสี(จะบอกว่าใช่เลย) หรือจะอีกหลายฉากที่เอาเทคนิคพื้นๆมาใช้ทั้งสิ้น ความสมจริงเลยไม่มี การแสดงเองก็พลอยเป็นไปด้วย ไม่ใช่ว่าเล่นไม่ดีทุกคนแต่หมายถึงยังไม่ได้อารมณ์มากพอ ดูไปแล้วเหมือนหนังตลกปนสยองยังไงอย่างนั้น David Hess แสดงได้ไม่ค่อยน่าสนใจ เว้นแต่เวลาโรคจิตที่พอดูเป็นน้ำเป็นเนื้อขึ้นมาบ้าง และด้วยแผนการฆ่าคนก็สุดจะแปลกพอได้ ทีแรกเป็นการฆ่าคนใกล้มาผสมใช้ในฉาก พอหนักเข้าเรื่องเริ่มบานปลาย ทั้งผู้อำนวยการ คนเขียนบทโดนกันหมดเลยทีนี่ ด้าน Sasha Grey เล่นได้แข็งไปหน้าเดิมเกือบตลอดทั้งเรื่อง เว้นแต่สายตาชาวกรีกที่คมบาดใจ

การดำเนินเรื่องไม่อืดแต่เบื่อ เพราะขาดความน่าสนใจ มีแต่การเล่าด้วยวิธีเดิมๆ เป็นหนังสยองขวัญที่ตายตัวมาก แถมยังเดาได้อย่างไม่มีปัญหาว่าใครตายใครโดน ตลอดทั้งเรื่องหนังไม่ได้พาไปไหนนอกจากวนเวียนแถวกองถ่ายในบริษัทกับลูกน้องไม่กี่คน จะว่าหนังซ้ำสูตรแนวฆาตกรสยองขวัญโดยไม่มีการเจาะลึกเข้าประเด็นเนื้อหา นอกจากการเก็บกดของเอเบลที่โดนด่าว่างานของเขาไม่มีคุณภาพ ไม่เหมือนจริง ทำให้กลายเป็นว่าต้องใช้ศพแทนของจริง และเรื่อยๆมากับการฆ่าเพื่อเอาชิ้นส่วนเพิ่ม ปมมีอยู่แค่นี้เท่านั้น ในส่วนตัวละครอื่นช่างไม่รู้เรื่องรู้สาทั้งสิ้นยุ่งกับงานของตัวเอง และสุดท้ายก่อนหนังจะจบ ไม่มีความน่าลุ้นระทึกสักอย่าง ขนาดสู้กันซะด้วย มันจะเป็นหนังตลกไปแล้ว(อันนี้เรื่องจริง) ใครอยากจะดูหนังเรื่องให้ทำใจยาวเลย

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)