Duel (1971) กะให้ตายก่อนเที่ยง/ไอ้จอว์สบก 18 ล้อ

Duel (1971)
กะให้ตายก่อนเที่ยง/ไอ้จอว์สบก 18 ล้อ

Director: Steven Spielberg
Genres: Action | Thriller
www.imdb.com/title/tt0067023/

Grade: B+


เมื่อครั้งที่ได้ชมผลงานระดับสุดยอดอย่างฉลาม Jaw (1975)สุดระทึกขวัญ หรือเอเลี่ยนมุมมองใหม่ที่เปลี่ยนความทัศนะคติ  E.T. the Extra-Terrestrial (1982) และอีกหลายผลงานที่สมควรแก่การจดจำ แล้วเคยถามบ้างไหมว่าผู้กำกับ Steven Spielberg แจ้งเกิดได้อย่างไร หลายคนอาจคิดว่าเป็นหนังที่ไม่หนักสมอง ต้องมีผจญภัย หรือความแปลกใหม่ แต่เปล่าเลยเพราะ Duel คือแรงกดดันที่หลังชมจบจะเข้าใจระดับพอประมาณว่าทำไมเป็นเรื่องนี้

Duel เดิมทีไม่ใช่หนังที่ฉายตามโรงเพราะเป็นหนังสำหรับฉายทีวี ฉะนั้นเรื่องคุณภาพคงไม่เป็นที่น่าประทับสักเท่าไหร่ ทว่ากับเรื่องนี้เปร่งประกายคุณภาพได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้ชมหลายคนต่างจดจำชื่อเขาผู้นี้ได้อย่างดี ฉะนั้นไม่จำเป็นว่าการเป็นหนังในทีวีธรรมดาจะไปไกลมากกว่าธรรมดาด้วยการนำไปฉายในโรง ซึ่งได้กระแสตอบรับอย่างดี


Duel เป็นหนังว่านอนสอนง่าย ทำความเข้าใจไม่เกินนาทีก็รู้ว่าเป็นยังไง และด้วยความที่แทบไม่มีอะไรนี้เองที่น่าติดตามมากที่สุดโดยเฉพาะบนถนน เล่าถึงเดวิด มานน์(Dennis Weaver)นักธุรกิจที่ต้องรีบขับรถข้ามรัฐไปให้ทันนัดหมาย ระหว่างขับไปเรื่อยๆเกิดไปเจอรถบรรทุกท่าทางเก่าโทรมคันหนึ่ง เห็นว่าขับช้าเดวิลเองก็รีบจึงแซงไปตามระเบียบคนขับเร็วกว่า แต่พอแซงไปได้สักระยะหนึ่งรถบรรทุกนั้นกลับมาแซงใหม่อีกรอบแถมขับช้าเหมือนเดิมให้เดวิลอยู่ข้างหลังรับควันท่อไอเสียรถบรรทุกต่อไป เดวิลเริ่มเซ็งหน่อยๆจึงแซงเหมือนเดิม แต่ใครจะรู้อีกล่ะว่าถ้าตอนแรกคือการก่อกวนยามว่างล่ะก็หลังจากนี้เป็นของจริง เพราะหลังจากการแซงที่ไม่น่าเป็นปัญหากลับกลายเป็นวินาทีอันระทึกขวัญเมื่อเจ้ารถบรรทุกเริ่มคลั่งไล่ตามเดวิลไปทุกที่ทุกทาง และเริ่มหนักข้อคิดเรื่อยๆจนถึงขั้นไล่บี้กะให้ตายไปข้างหนึ่งเลย แล้วเดวิลจะสลัดให้หลุดไปได้หรือเปล่า

หลังได้ชมเรื่องนี้จบอดแปลกใจกับพล็อตเรื่องไม่ได้เลยว่ามันโล่งมาก ไม่มีอะไรให้คิดนอกจากการขับรถไล่ล่ากัน แล้วเชื่อไหมว่าแทบทั้งเรื่องก็เป็นการขับรถกันอย่างเดียว อาจมีพักบ้างแต่อารมณ์ยังอยู่ได้ สร้างความน่าติดตามได้ตลอดทั้งเรื่องได้น่าเหลือเชื่อ นับว่านี่เป็นมากกว่าหนังที่ฉายทางทีวีธรรมดาๆที่มีดีกรียิ่งกว่าหนังดังบางเรื่องซะอีก


ตั้งแต่ต้นเรื่องเราจะเห็นถนนกับรถยนต์ในเมืองผ่านมุมกล้องที่ติดไว้กับข้างหน้ารถ ก่อนจะมาเรื่อยๆเป็นที่ร้อนแห้งแล้งนอกรัฐที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากถนนกับทุ่งกว้างยังกับทะเลทราย น่าสนใจที่หนังมีลูกเล่นรู้จักผ่อนคลายและกดดันอารมณ์ได้ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากมาจากวิธีการเล่าเรื่องผ่านภาพที่มีมุมกล้องได้จังหวะที่เหมาะสม ทั้งมุมปกติ มุมกว้าง และมุมแคบ ถ้าสังเกตให้ดีเวลามุมกล้องตึงๆเริ่มแคบจะสร้างความกดดันได้บีบคันมากบวกกับสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งชวนเหงื่อแตกยิ่งช่วยให้ตัวละครมีความวิตกในตัวระดับหนึ่ง แม้แต่ผู้ชมเองยังอยากขอน้ำสักขวดเพื่อบรรเทาความกระหาย ในด้านมุมกว้างเป็นการผ่อนคลาย จับภาพวิวทิศทัศน์หรือไม่บางทีเป็นอารมณ์สบายเบาๆ แต่ใช่มุมกว้างจะผ่อนคลายเสมอไปเพราะนั้นจะทำให้เห็นอะไรได้กว้างขึ้น และกับสภาพแวดล้อมไม่มีต้นไม้แบบนี้ใครมองคงไม่อยากไปที่นั้นแน่นอน

ด้วยเหตุข้างต้นที่ว่าใช้ทักษะการเล่าด้วยภาพเป็นหลัก การจะให้บทสนทนาน้อยจึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าทั้งเรื่องอยากจะขับรถบี้ไล่ล่ากัน ที่เน้นชนกันอย่างสะใจ ฉะนั้นประเด็นสำคัญคือภาพ ถ้าออกมาดีทุกอย่างจะลงตัวโดยง่าย

ถึงแก่นสารเรื่อราวจะไร้เหตุผลอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าการขับรถไล่ชนกันนี้ต้องการทำเพื่ออะไร หรือเป็นอารมณ์โกรธที่มาแซงหน้าก็ไม่น่าใช่ เพราะตัวหนังตีเรื่องกันยาวถึงขั้นติดตามไม่ทิ้งห่าง จะหนีไปไหนยังเจอกันได้ตลอด สรุปว่าหนีไม่พ้นกันจริงๆ นอกจากนี้นักวิจารณ์ยังชอบการเล่าเรื่องได้อย่างลื่นไหลไม่สะดุดอารมณ์ในความตื่นเต้น มีแต่จะใช้โหมเข้ามาจนเรื่องเริ่มหนักและกดดันยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นหลักประกันที่ดีสำหรับการเล่าเรื่องที่ไม่ต้องเจาะจงในรายละเอียดมาก แค่ให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกจุดตรงประเด็นเป็นอันพอ ซึ่ง Duel ทำได้จนแจ้งเกิดในเวลาต่อมา


การเล่าเรื่องที่ไม่ขอเนื้อหาเป็นการเพิ่มความคิดโดยส่วนตัวเข้าไปร่วมประติดประต่ออย่างงดงามหรือบางทีเป็นเรื่องที่น่ากลัวขึ้นมาจนน่าผวา เหมือนกับตัวละครเดวิลที่ชักจะคุ้มไม่อยู่แล้วว่าควรทำยังไงต่อไปดีจึงจะยุติเรื่องแบบนี้ได้ เมื่อตอนเข้าร้านเดวิลได้เข้าไปนั่งเพื่อทำความสบายใจกับตัวเองให้มากที่สุดและคิดว่าเจ้าคนขับรถบรรทุกนั้นคงพอใจและไปแล้ว เพราะก่อนจะเข้าร้านริมถนนต้องเจอเรื่องน่ากลัวไม่น้อยที่โดนบี้อยู่ข้างหลัง ทั่งที่รถของตัวเองเป็นรถยนต์ธรรมดาที่เละเมื่อไหร่ก็ได้ หลังจากได้เข้าที่พักได้ไม่นาน ผู้ชมคงคิดโล่งอกไปบ้างแล้วกับการไม่โดนไล่กวด ทว่าหนังให้อารมณ์คนดูแบบที่เดวิลเจอคือความตกใจที่รถบรรทุกคันนั้นไปโผล่อยู่ที่ออกกระจก เจ้ารถนรกนั้นมาอีกแล้ว ทว่าเดวิลเริ่มสังเกตเห็นว่าถ้ารู้ตัวคนขับบางทีอาจจะยุติเรื่องราวก็ได้ จึงคิดว่าถ้ารถไม่มีคนขับและเขาอยู่ในร้านก็มีโอกาสเป็นไปได้ว่าคนๆนั้นอยู่ในร้านแห่งนี้ ตรงนี้แหละที่หนังกดดันอย่างมากและหดหู่พาเครียดอีกต่างหาก เพราะในร้านมีผู้ชายหลายคนและแต่ละคนไม่น่าไว้ใจกันทุกคนแถมสิ่งเดียวที่เดวิลจำได้เป็นอย่างดีคือเรื่องรองเท้า แต่ทำไมกันน่ะทุกคนในร้านจึงใส่รองเท้าคล้ายกันไปหมด แล้วแบบนี้ใครคือคนร้ายคนนั้นกัน

ถ้าใครเคยดู Jaw มาก่อนจะรู้ว่าอะไรคือความน่ากลัวจากสิ่งที่ไม่รู้ เนื่องจาก Duel มีวิธีจัดการกับอารมณ์อยากรู้อยากเห็นของคนได้ดี ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรายังไม่มีโอกาสสักนิดเลยว่าหน้าตาคนขับรถบรรทุกเป็นอย่างไร นอกจากมือที่หลอกโบกรถว่าแซงได้ ที่ขึ้นแซงเมื่อไหร่จะเจอกับรถที่เลนเข้ามา กลายเป็นความระทึกเสียววูบวาบทันที พอไม่รู้หน้าตาคนขับยิ่งทำให้ยากแก่การเดาใจ ไม่รู้ไม่ทราบเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ยิ่งบางฉากหลอกตาหลอกใจกันเหลือเกิน น่าสนใจคือคนขับรถบรรทุกที่ผู้ชมอย่างเราๆมองว่าเป็นตัวร้ายคงต้องพิจารณาซะใหม่ ถ้าจำได้ไม่ผิดมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เดวิลรอดพ้นจากรถบรรทุกนั้นแล้วมาเจอรถบัสนักเรียนที่สตาร์ทไม่ติด จึงขอแรงรถเดวิลช่วยส่งท้ายเผื่อรถจะติดขึ้นมา และช่วงนั้นเองที่รถบรรทุกนั้นเกิดโผล่ออกมาตรงปากถ้ำ แสดงถึงการรอจังหวะเหมาะสักอย่างหนึ่ง พอเดวิลเห็นเท่านั้นเองความลนลานใจเกิดขึ้นและกลัวว่าเจ้ารถนั้นจะมาชนแบบไม่เกรงใจ ทำให้เดวิลต้องหนีจากตรงนั้น ซึ่งผิดคาดกับรถบรรทุกที่มาช่วยส่งท้ายรถบัส กลายเป็นว่าความเคยชินจากการสัมผัสและพลังจินตนาการถึงความเลวนฃร้ายกลายเป็นความจิตตกที่ขึ้นไปเอง ทีนี้เลยเดายากเข้าไปอีกว่าคนขับมันไม่ได้เลวร้ายแต่ทำไมถึงจ้องล้างจ้องฆ่าเดวิลนัก



ต้องบอกว่าน่าชื่นชมที่หนังทำได้เครียด หดหู่ และวิตกกังวลได้มากขนาดนี้ ยิ่งท้ายเรื่องการแสดง Dennis Weaver ทำหน้าเครียดมากแบบรถบรรทุกมันจะใกล้เข้ามาแล้ว รถของตัวเองเกิดหม้อน้ำเดือดอีกต้องรอมันเย็นลงหน่อย รถก็เลยวิ่งช้า และเอฟเฟคต่างๆรวมถึงพวกอุปกรณ์ทำได้เข้าท่าเข้าทางดี ให้บรรยากาศที่แห้งแล้ง เหมือนคนจะคลั่งได้เพราะองศาเดือดยังไงอย่างนั้น หนังไม่ใช่แค่ระทึกอย่างเดียวยังมีแอ็คชั่นไปกับดวลอย่างไม่ตั้งใจกับรถของเดวิลและรถบรรทุก ซึ่งขนาดรถเล็กยังเหยียบมิดรถบรรทุกความเร็วยังไม่ตก และตัวคนขับฉลาดหลักแหลมพอตัว เห็นว่าเดวิลคุยโทรศัพท์ก็ขับชนมันซะเลย ตรงนี้น่าระทึกมากเพราะรถวิ่งเข้ามาใกล้มาก ถ้าหลบไม่ทันคือติดเป็นซากแน่ๆ

นับว่า Steven Spielberg สร้างหนังได้เก่งและเข้าใจปูเรื่องราวได้น่าสนใจแม้จะฟังพิกลไปบ้าง แต่ถ้าไม่ลองชมใครจะรู้ล่ะใช่ไหม เห็นทีแบบนี้ต้องขอคาระวะหน่อยล่ะมั้ง

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)