Mad Max Beyond Thunderdome (1985) แมดแม็กซ์ 3 โดมบันลือโลก

Mad Max Beyond Thunderdome (1985)
แมดแม็กซ์ 3 โดมบันลือโลก
Director:  George Miller, George Ogilvie
Genres: Action / Adventure / Sci-Fi
http://www.imdb.com/title/tt0089530/
Grade: C+

หนังภาคต่อปิดท้ายไตรภาคของตำนานแมดแม็กซ์ ครั้งนี้แตกต่างกว่าทุกทีเพราะเขาไม่มีทางเลือก ครั้งนี้แม็กซ์ (Mel Gibson) ต้องไปเผชิญกับอานตี้ แอนติตี้ (Tina Turner) ผู้ครองอาณาจักรกลางทะเลทรายที่เป็นเจ้าของที่ทรงอำนาจที่สุด แม็กซ์หมดทางเลือกที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่ออย่างไม่มีอะไรเลยทำให้เขาต้องแวะเมืองนี้ท่ามกลางทะเลที่ขาดน้ำ ด้วยความสามารถทีมีและความต้องการอาหารและพลังงานทำให้แม็กซ์มีข้อตกลงสัญญาบางอย่างกับแอนติตี้และเป็นผลให้เขาต้องเข้าไปในธันเดอร์โดมที่มีกฎของเมืองบังคับ คือถ้ามีเรื่องให้เข้าไปสู้ในนั้นโดยไม่มีกฎกติกาข้อห้ามอะไร สามารถทำได้ทุกอย่าง แต่มีสิ่งเดียวที่บังคับสำหรับคนที่จะออกคือเมื่อเข้าไปสองต้องกลับมาหนึ่ง และแม็กซ์ต้องกลับมาสู้อีกครั้งเพื่อชีวิตรอด


ภาคนี้มีหลายอย่างที่ดูอ่อนลงไปมากแต่ยังสนุกดีพอทำเนาอยู่ ฉากแอ๊คชั่นมีแน่นอนไม่สะใจเท่าภาคก่อนๆ การเดินมีอืดๆไม่มีจุดให้ประทับใจเท่าไร ความเร้าใจทางอารมณ์ก็น้อยลง ถึงจะสู้กันได้สนุกดีแต่อาจดูธรรมดาไปหน่อยแต่ยังรักษาระดับได้แต่ยังไม่แน่นพอ ตัวหนังมีการเพิ่มเนื้อเรื่องเข้ามาให้ดูลงตัวแต่เหมือนจะคนละเรื่องกันเลย ทำให้ดูอืดเข้าไปอีกเพราะมีเนื้อที่เข้ามาแบบไม่สอดคล้องกันเท่าไร แต่ถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีผู้กำกับ 2 คน คือรายแรกก็คือ George Miller ผู้รับหน้าที่กำกับหนัง 2 ภาคแรกมาก่อน คนนี้ผมยังชอบอยู่กับผลงานที่แล้วมา อีกคนคือ George Ogilvie ซึ่งมารับหน้าที่กำกับในส่วนที่เป็นเนื้อหาและฉากเกี่ยวกับดราม่า ซึ่งโดยส่วนตัวพี่ทำได้อืดและไม่เร้าใจเลย

ต้องบอกว่า George Miller มีความชำนาญกับเรื่องนี้มาก่อนจึงเอาเรื่องได้ออกมาคงที่อย่างที่สุดครับ ต้องบอกว่าภาคก่อนมันกระหน่ำแอ๊คชั่นและฉากที่พาให้ดูเรื่องออกมาสมบูรณ์ แน่นอนว่าภาคนี้มีฉากสนุกแต่นั้นก็โดนเนื้อหาเชิงดราม่ากินไปเยอะครับความสนุกจึงลดลงไปด้วย ไอ้ส่วนดราม่าถ้าเอาจริงๆไม่จำเป็นต้องมีก็ยังได้ เพราะไอ้เรื่องแมดแม็กซ์จุดขายคือความมันส์ที่ลงตัว ยิ่งมีการไล่ล่านานเท่าไรจะยิ่งสนุก ดูตัวอย่างเช่นภาค 2 เนื้อเรื่องไม่มากหลักๆคือปกป้องคนดีจัดการคนชั่ว แค่นี้ก็รู้ผลแล้วครับว่าสนุกแค่ไหนถึงพล็อตเรื่องจะง่ายแต่ความมันส์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะบางทีอาจต้องใช้เวลาให้คนดูซึมซับความสนุกแบบค่อยเป็นค่อยไปจากนั้นค่อยเต็มที่ จะเห็นได้ชัดว่าตัวละครภาค 2 ค่อนข้างเยอะและใช้ได้คุ้มกับการไล่ล่าเป็นตัวช่วยเพิ่มเวลาความมันส์ ตัวละครภาคนี้ก็พอเอาเยอะแต่สุดท้ายเอาจริงก็ใช้ไม่เท่าไร ที่เหลือเป็นตัวเสริมประดับฉากที่ปนมากับเนื้อหาดราม่า


เรื่องฉากไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่เพราะทำออกมาได้สมบูรณ์อยู่แล้วกับการให้เป็นโลกแห่งอนาคตที่หลังเกิดสงครามนิวเคลียร์ ยังรักษาโทนหดหู่ได้อยู่แต่น้อยลง ภาคนี้ทำออกมาได้ดูเวิ้งว้างสู้ภาคก่อนไม่ได้คงเพราะเรื่องไม่ได้ให้ฉากเข้ามาเกี่ยวพันเท่าไร

ปัญหาคือไม่ได้ทำออกมาให้ฉากดูกว้างออกแนวแคบๆ ขอแค่มีทรายเยอะๆก็ให้ความรู้สึกหดหู่ได้แต่เปล่าครับ เพราะเรื่องไปอยู่ในเมืองซะมากจึงดูไม่แห้งแล้งพอที่จะเรียกความรู้สึกหว่าเหว้ได้เว้นแต่ฉากเปิดกับปิดที่ดูโล่งจนไม่มีอะไรเลย


เรื่องนี้ต้องบอกว่าสนุกถ้ามีความพอดีเพราะเรื่องนี้ใช้พล็อตเกินไปหน่อย แต่ยังสนุกครับ ในช่วงไคลแมกซ์ถือว่าเรียกความมันส์ได้ลงตัว และแน่นอนว่าสิ่งที่พ้นจากเรื่องแมดแม็กซ์ไม่ได้คือความเร็วและแรงในการไล่ล่าหาความมันส์ ซึ่งออกมาดีและสนุก มีการใส่บทให้ดูตลกไปบ้างเพื่อให้ดูสนุกยิ่งขึ้น จะว่าอีกอย่างคือเรืองนี้มีความสนุกอยู่แล้วแต่โดยแต่งเพิ่มเค้าโครงกลายเป็นว่าแทนที่จะดีขึ้นกลับแย่ลง สุดท้ายเรื่องนี้ก็มีสิ่งหนึ่งที่อาจทำให้แม็กซ์ดูน่าสงสารคือการรู้จักเสียสละ เหมือนภาค 2 ไม่จบแฮปปี้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาและฉลองในชัยชนะแต่พเนจรหาความอยู่รอดต่อไป

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)