The Thing (1982) ไอ้ตัวเขมือบโลก

The Thing (1982)  | ไอ้ตัวเขมือบโลก | A+
Director: John Carpenter
Genres: Horror / Mystery / Thriller

ผลงานเขย่าขวัญระดับคลาสสิคที่เคยสั่นประสาทคนดูมาแล้วกับ HALLOWEEN 1978 คราวเปลี่ยนแบบจากฆาตการมาเป็นสัตว์ร้ายที่ไม่มีที่ไปชัดเจนและไม่มีร่างกายเป็นเพียงแค่เซล์ที่ยึดครองร่างกายคนและแปรงสภาพให้เป็นสิ่งที่แม้แต่คนดูยังต้องผวาเพราะนี่ต่อให้คุณดูไม่กระพริบตาก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าใครคือคนที่แตกต่างจากกลุ่ม จนกว่าสิ่งนั้นจะเผยขึ้นมาเอง


เรื่องเกิดขึ้นที่ ณ ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ แถบแอนตาร์กติก ขั้วโลกใต้อันซึ่งหนาวเหน็บและร้างห่างไกลจากผู้คน เมื่อเหล่ากลุ่มนักวิทยาศาสตร์ทั้ง 12 คนที่ทำตัวเหมือนปกติเฉกเช่นวันธรรมดาอย่างวันทั่วๆไปต้องเปลี่ยนไปอย่างไม่ห้วนกลับเมื่อพวกเขาได้บังเอิญเจอเฮลิคอปเตอร์ของชาวนอร์เวย์ที่กำลังบินผ่านหน้าสถานีมาอย่างผิดสังเกตเพราะว่ากำลังบินไล่สุนัขตัวหนึ่งอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่สนว่าจะโดนอะไร ทำให้กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ต้องเริ่มสงสัยแบบคิดไม่ทันว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรถึงขั้นต้องขี่เฮลิคอปเตอร์มายิงสุนัขเพียงตัวเดียวที่มันก็แค่สุนัขธรรมดาตัวหนึ่งที่ไม่มีพิษสงอะไร ทำให้อารมณ์ที่เหมือนเจออะไรมาจนไม่ยอมฟังใครและพร้อมยิงทุกคนทำให้เกิดการยิงกัน จนชาวนอร์เวย์ผู้นั้นต้องเสียชีวิต แล้วด้วยเหตุที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจอะไรเลยทำให้เกิดข้อสงสัยและเสนอไปตรวจสอบที่มาของเรื่องทั้งหมดคือการไปยังสถานีที่ชาวนอร์เวย์ได้จากมาแม็คครีดี้ี้ (Kurt Russell) จึงออกตรวจสอบที่แห่งนั้นและปรากฎสิ่งที่ไม่คาดฝันต่างๆที่แปลกประหลาดมากมาย ทั้งศพที่อยู่ในสภาพถูกไฟ้ไหม้ และเหนอะแหนะ โดยที่สภาพคล้ายมนุษย์แต่ต่างออกไป และด้วยความที่เป็นนักวิทยาศาสตร์จึงต้องนำกลับไปตรวจสอบว่าทั้งหมดมาจากอะไรกันแน่ และด้วยสถานที่ไม่อำนวยความสะดวกแต่อย่างใดทำให้พวกเขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่พวกเขาเจอกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่เป็นไปแล้วกับสิ่งนั้นที่มันอยู่กับพวกเขา


ต้องบอกเรื่องเปิดมาได้งงเหมือนตัดเรื่องมาเพราะมีเฮลิคอปเตอร์ขับไล่ยิงสุนัข ซึ่งทำผมสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นหว่า เปิดเรื่องได้น่าสนใจที่สงสัยกับไอ้สุนัขตัวนั้นจริงๆ เนื้อเรื่องไม่มีในช่วงแรกมากมายจนกระทั่งค้นพบสิ่งที่เกินคำบรรยายเข้าให้ ความน่ากลัวความสยอง สิ่งที่เกิดขึ้นมันเริ่มเมื่อค้นพบสิ่งนั้น ด้วยสภาพที่ไม่มีความช่วยเหลือไม่มีการสื่อสารส่งถึงภายนอกเป็นสภาพปิดตายที่ต้องพึ่งตนเองเท่านั้น ด้วยสิ่งที่เดาได้ยากถึงการมีตัวตนของสิ่งนั้นทำให้มันแฝงเข้าไปในตัวใครก็ได้ ด้วยอารมณ์ที่กดดันและบรรยากาศพาตึงเครียดจะสามารถไว้ใจใครได้ถ้าไม่ใช่ตัวเอง


หนังเดินดีและน่าสนใจเอามากครับ ไม่ใช่เพราะการเมคอัพที่สมบูรณ์แบบจนน่าตกใจอย่างเดียวแต่เล่นกับจิตวิทยาที่ว่าหนึ่งคนหัวหายสองคนเพื่อนตาย แต่จะให้อยู่กับใครได้ถ้าไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมันอยู่ไหน หนังเดินแบบจะเรียกว่าแทบตัวใครตัวมันยังว่าได้แต่นั้นคงไม่ใช่เรื่องดีครับเพราะจะโดนสิ่งนั้นเอาง่ายๆ จึงมักอยู่รวมๆกันเพื่อพานหาคนที่ไม่ได้เป็นคนอีกต่อไป สิ่งที่น่ากลัวอย่างคนที่ไม่เชื่อใจกันจนระแวงระวังและฆ่าเพื่อนได้นี่นับว่าน่ากลัวอีกอย่าง เพราะสิ่งนั้นทำเอาสับสนไปหมด และที่สำคัญอีกอย่างคือเราบอกไม่ได้ว่าใครที่ไม่ใช่คนเพราะสิ่งนั้นไม่ยอมโผล่มาเลยจนกว่าจะถึงขั้นเด็ดขาด แต่ยังดีอย่างหนึ่งคือสามารถดูได้ว่าใครที่ใช่และใครที่ไม่ใช่ ตรงที่ว่าสิ่งนั้นคือเซลล์และเซลล์เป็นได้แค่เลือดเนื้อเท่านั้น เอาง่ายๆคือไม่สามารถรวมเข้ากับฟันได้ แต่กว่าจะรู้ว่าฟันมันหลุดหรือไม่มีคงหมดโอกาศที่จะจัดการมันเสียก่อน เพราะมันไม่ยอมปล่อยให้รอดแม้แต่คนเดียว


สิ่งที่บอกอย่างหนึ่งของการสร้างสัตว์ประหลาดที่ไม่มีรูปลักษณ์ที่แน่นอนของหนังเรื่องนี้คือความสุดยอดของทีมงานที่สามารถเมคอัพสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ที่แม้แต่การใช้ CG ยังต้องอายเพราะความเหมือนที่มีชีวิตและการขยับที่เป็นตัวเป็นตนอย่างชัดเจน ถึงแม้จะเป็นยุคที่การใช้ CG ยังไม่พัฒนาให้ภาพออกมาดี จึงมีการใช้เมคอัพเพื่อความใกล้เคียงในด้านความสมจริงให้มากที่สุด ทำให้ปัญหาที่เกิดคือการเคลื่อนไหวที่ไม่อิสระและรวดเร็ว แต่ข้อด้อยที่เกิดคือข้อดีของการทำหนังให้ดูออกมาน่าสนใจ และด้วยการถ่ายทำแบบเสนอให้ลับตาแบบไม่เต็มตัว จะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนดูเกิดความผวาและคิดไปเองว่าใครกันแน่ที่ยังมีชีวิตโดยไม่ได้ถูกสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าร่างกาย

หนังสนุกดีได้อารมณ์แบบไม่ไว้ใจใคร เมคอัพได้น่ากลัวจนลืมเรื่อง CG ที่เป็นเทคโนโลยีของอนาคตไปเลย เรื่องบทอาจดูเรื่อยๆในช่วงแรกเพราะตอนนั้นกำลังคล้ายปมข้อสงสัย บทดีจนไม่เห็นว่าใครเป็นใครเพราะทุกคนสามารถเป็นกันได้ ฉะนั้นอย่าเชื่อใครไว้ใจใครจนกว่าจะพิสูจน์ก่อนที่ร่างกายจะไม่ใช่ของคุณ

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)