Beowulf (1999) คนครึ่งเทวดาสงครามอมตะ

Beowulf (1999)
คนครึ่งเทวดาสงครามอมตะ
Director: Graham Baker
Genres: Action / Adventure / Fantasy / Horror / Sci-Fi / Thriller
Grade: D+

ชายคนหนึ่งนามว่าบีโอวูล์ฟ (Christopher Lambert) ได้ฝ่ามายังเมืองหน้าด่านแห่งหนึ่งที่กำลังถูกทำลายเพราะปีศาจกระหายเลือดที่ฆ่าคนทุกวันที่แอบแฝงซ่อนเร้นอย่างไม่มีใครทราบว่าอยู่ไหนแต่มีคนเดียวเท่านั้นที่รู้และจัดการมันได้และคนนั้นคือบีโอวูล์ฟ ด้วยชะตากรรมที่เรียกร้องตามสัญชาตญาณและปกป้องคนสำคัญอย่าง ไคร่า (Rhona Mitra) ทำให้ต้องจัดการปีศาจให้สิ้นซากเพื่อผู้คนที่บริสุทธิ์ก่อนที่มันจะฆ่าทุกคนหมดก่อนเขาจะฆ่ามันได้ แต่นั้นไม่ใช่เรื่อง่ายเพราะมันแข็งแกร่งและชอบซุ้มโจมตี ถึงแม้อาจเป็นปัญหาที่สามารถจัดการได้แต่ปัญหาตัวจริงคือมีปีศาจมากกว่าหนึ่งตัวและตัวนั้นเป็นตัวที่ร้ายกาจยิ่งกว่า และปีศาจสาวสุดอำมหิต (Layla Roberts) และเขาจะรับมือไหวได้ยังไงถ้าจะปราบกันทั้งสองตัว


ใครดูเรื่องนี่ต้องคิดแน่นอนว่าเหมือนเคยสัมผัสกับหนังบางเรื่องและแน่นอนว่าต้องเป็น Mortal Kombat ก็ด้วยเทคนิคการต่อสู้ที่ออกเวอร์ ทั้งเพลงประกอบที่มามันส์ถึงแม้จะดูหนังไม่สนุกแต่กลับสนุกขึ้นมาและไหนจะเรื่องมุมกล้องสถานที่ออกแคบๆก็เหมือนลอกมาแบบไม่มีข้อแตกต่างอะไร ก็ทีมงานมาจากผู้สร้างเรื่อง Mortal Kombat นี่ครับถึงว่าให้ความรู้สึกเหมือนกันชัดๆ

หนังนั้นสร้างจากบทกวีดังๆในอังกฤษ เป็นเรื่องระหว่างธรรมะและอธรรมของ Beowulf and Grendel จะบอกว่าเนื้อเรื่องของเรื่องนี่ไม่มีอะไรจากบทกวีนอกจากพระเอกของเราที่อาจบอกที่มาแต่กำเนิดนิดหน่อย ส่วนเนื้อเรื่องช่วงอื่นๆก็แต่งๆเติมเอาเต็มที่ หนังก็แนวสู้กันแบบหมัดมวยที่มีเพลงประกอบเป็นเทคโนสไตล์ Mortal Kombat ที่เอามันส์กับเพลง นี่ขนาดยังไม่สู้ยังมีเพลงมากระตุ้นให้คนดูรู้สึกมันส์ๆไปก่อนจะได้ไม่ดูน่าเบื่อ เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนหรือชวนคิดให้ปวดหัวแต่อย่างใด ไปเรื่อยๆตามล่าปีศาจในปราสาทที่ไม่รู้อยู่ไหนแล้วโผล่มาสู้บีโอวูล์ฟแบบกึ่งหมัดมวยพร้อมเพลงที่พามันส์ ทั้งเรื่องจะให้ดูน่ากลัวเพราะปีศาจก็ไม่ค่อยจะรู้สึกรู้สาเท่าไรเพราะแอ็คชั่นมันพาไปก่อนแล้ว


ด้านสาระที่ได้จากหนังคงไม่มีอะไรให้คิด ถึงจะเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของอังกฤษแต่หนังเรื่องนี่แต่งเนื้อกันเองทั้งเรื่องแค่มีบีโอวูล์ฟมาเติมให้น่าสนใจ เนื้อเรื่องจัดว่าง่ายแต่พอเอายากไม่งั้นหนังจะจบเร็วแบบไม่ต้องลุ้น ว่าจะมันส์ก็เพราะเพลงเทคโนประกอบก็ว่าเพราะฉากต่อสู้ก็ธรรมดาอาจมีตีลังกา 4-5 ตลบให้ดูตื่นตาแต่ผมงงอยู่ที่ว่าทำเพื่อ? สู้กันเฉยๆก็ได้มีโชว์ออฟอีก สงสัยกลัวไม่เท่

การใช้เอฟเฟคก็แทบไม่จำเป็นต้องมี มีแค่บางฉากอย่างเจ้าปีศาจตอนท้ายที่ดันกลายร่างเอาหมดสวยเลย ที่เหลือก็ทำแบบแต่งๆเอาเป็นอุปกรณ์ต่างๆทั้งฉากและอาวุธตัวหนังก็คับแคบอยู่ในปราสาทในทางเดินเดิมๆและห้องเดิมๆ หนังเหมือนมีปมแต่กลับดูไม่น่าสนใจและก็ปล่อยให้ไปง่ายๆจนสุดท้ายก็ดูไม่มีอะไร เหมือนใส่มาเกินๆ ตัวละครจริงๆก็เล่นไม่กี่คนที่เหลือตัวประกอบที่นำมาใช้ใหม่ได้เพราะพวกทหารปิดหน้าปิดตากัน ก็สนุกดีพอดูเพลินกับฉากบู๊ๆได้ถึงแม้ลูกเล่นจะไม่มีอะไรตื่นตาก็ตามและเนื้อเรื่องก็พอเอาง่ายบ้างในบางช่วง แต่ต้องบอกว่าสนุกเพราะเพลงที่กระตุ้นพามันส์

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)