Doomsday (2008) ห่าล้างโลก

Doomsday (2008) 
ห่าล้างโลก
Director: Neil Marshall
Genres: Action / Sci-Fi / Thriller
Grade: C+

ไวรัสชนิดหนึ่งได้ระบาดและติดเชื้ออย่างหนักทำให้มีเพิ่มระดับความเข้มงวดด้วยการทำพื้นที่กักกันโรคระบาดอย่างเข้มงวดในการสร้างกำแพงที่หนาและสูงกันคนที่ติดเชื้อที่เข้ามาเก็บแต่คนที่สะอาดปลอดเชื้อเอาไว้ ไวรัสไม่เกิดขึ้นอีกเลยเป็นเวลา 30 ปี จนมีการค้นพบโรคประหลาดชนิดหนึ่งและนั้นคือโรครีปเปอร์เป็นสายพันธุ์แบบเดียวกับที่เคยแพร่ระบาดอย่างเมื่อก่อน แต่เพราะเชื้อยังไม่สามารถถูกกำจัดได้จึงต้องรีบหาทางแก้ไขโดยเร็วและก่อนที่จะเกิดไวรัสระบาดรัฐบาลได้ค้นพบคนที่ยังมีชีวิตอยู่นอกกำแพงและคิดว่าการดำรงอยู่ได้นั้นต้องเป็นเพราะมีวัคซีนต้านโรคไวรัสนี่ จึงรวมคนเก่งหัวกระทิที่นำทีมโดย ดีเอน ซินแคลร์ (Rhona Mitra) ไปยั้งภายนอกเขตกักกันเพื่อทำภารกิจอย่างเร่งด่วนให้เร็วที่สุด แต่เมื่อพวกเขาออกมาก็ค้นพบความจริงบางอย่างที่เป็นเหมือนธาตุแท้ของมนุษย์นั้นคือการเอาตัวรอด และฝันร้ายอย่างไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นหลังจากออกนอกกำแพงนั้นคือต้องสู้


สิ่งหนึ่งที่ดูแล้วรู้สึกนั้นคืออารมณ์ที่สอดคล้องกับเรื่อง Mad Max เข้ามาผสมโรง แต่นั้นแค่ตอนช่วงครึ่งหลังของเรื่องเพราะมีการใช้รถและสถานที่ที่มีการออกแบบและโครงสร้างที่คล้ายคลึงกัน แต่เรื่องนี่กลับดูป่าเถื่อนยิ่งกว่าไม่ใช่เพราะดูเป็นโลกอาชญากรรมแต่เป็นโลกที่เอาตัวรอดในดำรงตามสภาพแวดล้อมจะเรียกว่าผสมความเป็นโรคจิตและไร้อารยธรรมก็ยังได้ เป็นโลกอนาคตที่ไม่ได้แห้งแล้งหรือขาดแคลนแต่จิตใจมุษย์กลับเสื่อมตามเวลาแทนที่จะดีขึ้นแต่สวนทางแย่ลงจนต้องฆ่ากันเองและกินกันเอง

เป็นหนังแอ็คชั่นที่ดูสนุกและมันส์ปนๆไปกับอารมณ์ร็อคที่มีเพลงประกอบเอามันส์และหนักๆแต่ก็ไม่ได้เกินไปจนแสบหู ที่สร้างความบันเทิงอีกอย่างคือบรรยากาศชวนดิบๆที่เถื่อนได้ใจ เนื้อเรื่องว่าด้วยการหาวัคซีนซึ่งตอนแรกเหมือนจะง่ายและไม่มีอะไร แต่พอเจอพวกป่าเถื่อนไร้อารยชนเข้าโครงเนื้อเรื่องที่วางก็เปลี่ยนไปซะสนิทเป็นการเน้นเอาตัวรอด ซึ่งโครงเดิมจะมาปรากฎอีกทีในตอนท้ายเรื่องซึ่งดูสั้นและเหมือนตัดเนื้อเรื่องเอามากๆ พูดง่ายๆคือยังควบคุมการดำเนินเนื้อเรื่องไม่ได้ดีพอประเด็นของเรื่องหายไปและกลับมาอีกครั้งอย่างสั้นๆและง่าย ฉากต่อสู้ ลุ้นระทึก นี่ถือว่ายังมาได้ดีและมีอารมณ์ร่วมกับฉากแอ็คชั่นนั้นๆ แต่ปัญหาคือเมื่อหมดอารมณ์ก็จะดูธรรมดาไม่ค่อยลุ้น เป็นหนังที่ขายความเป็นแอ็คชั่นดีๆนั้นเอง


ผู้กำกับ นีล มาร์แชล น่าจะเป็นคนที่ชอบทำหนังสัญชาติญาณดิบมนุษย์เพราะดูแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าสถานการณ์แบบนี่จะทำยังไงให้รอด อย่างเรื่อง The Descent ปี 2005 ที่เข้าถ้ำและเจอตัวประหลาดก็สติแตกเอาตัวรอดอย่างที่ตัวเองต้องการ และเขาสร้างบรรยากาศแบบเถื่อนๆในสถานที่ปิดไม่เปิดกว้าง และนั้นอาจเป็นข้อดีสำหรับบางเรื่องที่ไม่ต้องการอะไรมากมาเกี่ยวข้องแต่เป็นข้อเสียได้เหมือนกันที่ดูแล้วรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเหมือนเรื่องนี่ที่ดูไม่ได้กว้างแต่กลับคับแคบไม่มีอะไรให้ตื่นตายกเว้นความมันส์ในฉากแอ็คชั่น เรื่องนี่จะโหดนิดๆคงเพราะอยากให้ดูสมจริงในความเถื่อนจึงมีเลือดแบบกระฉูดเห็นกันชัดๆแล้วก็ฉากเอาเนื้อมาแบ่งกัน ดูสมจังขึ้นมากจนเกือบจะเปลี่ยนแนว

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)