Pandorum (2009) ลอกชีพ


Pandorum (2009)
ลอกชีพ
Director: Christian Alvart
Genres: Action / Horror / Mystery / Sci-Fi / Thriller
http://www.imdb.com/title/tt1188729/
Grade: B+

นักบินอวกาศโบเวอร์ (Ben Foster) ตื่นจากระบบจำศีลย่นระยะ ซึงเขาตื่นมาไม่สามารถจำอะไรได้เลย ไม่รู้และไม่ทราบถึงภารกิจใด เกิดความสงสัยต่างๆมากมายจนมาเจอผู้พันเพย์ตัน (Dennis Quaid) ที่พึ่งตื่นหลังจากเขาและไม่ทราบถึงตัวเองว่าเป็นใครอย่างแน่ชัดเหมือนกัน พวกเขาเริ่มสับสนและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อความจำกลับมาบางส่วน ทำให้ต้องรีบเร่งแก้ไขให้ยานกลับมาเป็นปกติเพราะการทำงานของไฟฟ้าไม่สามารถทำงานได้เต็มที่และเป็นหน้าที่ของโบเวอร์ที่ต้องออกไปสำรวจสถานที่ แต่ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไรกลับยิ่งมีเรื่องน่าสงสัยและน่ากลัวเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆทั้งความมืดที่ไฟฟ้าทำงานไม่เต็มที่บวกกับบางสิ่งบางอย่างที่เกินกว่าที่เขาคิดเมื่อค้นพบเรื่องความจริงที่น่าสะพรึงกลัว


โดยหนังจะเล่าถึงเหตุผลของจุดจบของโลกกล่าวถึงประชากรของโลกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างหยุดไม่อยู่ และเกิดเจอดวงดาวแห่งใหม่ที่ใกล้เคียงกับโลกมากที่สุด ทำให้มีการสร้างยานและขนบางสิ่งบางอย่างไปยังดาวแห่งนี่ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 123 ปีถึงจะถึงดวงดาว และความจริงที่น่าตกใจคือนี่เลยเวลาดังกล่าวซึ่งเป็นเวลา 800 ปีแล้ว และตอนนี้พวกเขาอยู่ไหนบางทีอาจอยู่ท่ามกลางอวกาศที่ไม่สามารถกลับบ้านได้

เรื่องนี้ได้ผลงานจากผู้อำนวยการสร้าง Resident Evil ที่รวบรวมทีมงานอัจฉริยะเกี่ยวกับหนังไซไฟเขย่าขวัญ อาทิ คริสเตียน อัลวาร์ท ผู้กำกับดาวรุ่งชาวเยอรมัน ที่สร้างภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงชื่นชมไปไม่น้อยอย่าง Antibodies ภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่เล่นกับจิตวิทยา และมีการหักมุมในแบบที่ไม่มีใครคาดถึง, ริชาร์ด บริทแกลนด์ ผู้ออกแบบงานสร้าง (Resident Evil, AVP: Alien vs. Predator, RocknRolla), ผู้กำกับภาพ เวดิโก้ วอน ชูสเซนดอร์ฟ (Igby Goes Down, Hollywood Ending), ผู้ออกแบบงานสร้าง ริชาร์ด บริทแกลนด์ รวมถึงการสร้างตัวสัตว์ประหลาดจากสตูดิโอของ สแตน วินสตัน ผู้ให้กำเนิดตัวเอเลี่ยนและพรีเดเตอร์ เป็นต้น


เป็นหนังไซไฟที่ดูแล้วน่าหลอนน่ากลัวพอสมควร การดำเนินในช่วงแรกเต็มไปด้วยความสงสัยไม่มีข้อมูลหรืออะไรที่แน่ชัดจนกว่าตัวละครจะหาความจริงเอาเอง การดำเนินเรื่องค่อนข้างน่าตื่นเต้นและดูหลอนๆเพราะการใช้เสียง ฉาก และโทนที่เอามืดๆ ทำให้ตัวหนังดูลึกลับและน่าสงสัย

เรื่องฉากบู๊ต่อสู้คงหาได้ยากเพราะเอาแต่หนีอย่างเดียวเพราะเป็นแนวออกลึกลับหาความจริงจึงดำเนินออกแนวสืบสวนหาความจริงว่าเกิดอะไร ลักษณะการดำเนินเนื้อเรื่องก็ให้ตัวเอกอย่างโบเวอร์เป็นคนเล่นนำคอยให้คนดูติดตามประดุจเป็นพระเอกในท้องเรื่อง และจะทำให้คนดูเห็นและสัมผัสเหมือนพระเอกว่าเจออะไรมา พยายามเอาชีวิตอย่างสุดเต็มกำลังมากแค่ไหน จนสุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ความทรงจำค่อยๆกลับมา


ในเรื่องนี้เสียงดนตรีประกอบเป็นส่วนช่วยเติมเต็มให้กับเนื้อเรื่องได้อย่างกลมกลืนแนบเนียนจนดูน่าตื่นเต้นและยกระดับความน่ากลัวขึ้นมามาก ด้านฉากหรือองค์ประกอบต่างๆถือว่ามาดีและดูกว้า บางครั้งดูแคบในบางช่วงแต่ที่แคยจะทำให้ดูมืด อึดอัด และน่ากลัว ทำให้เหมือนต้องเจอเผชิญหน้าแบบตรงๆต่อหน้า แต่ทำไมลูกเรือบางกลุ่มจึงกลายเป็นสัตว์ร้ายกินมนุษย์ด้วยกันเอง อันนี้เป็นประเด็นปริศนาอีกอย่างที่ยังไม่มีที่มาจนกว่าคนดูจะชมให้จบซึ่งจะเข้าใจในทันทีว่าทั้งหมดที่เกิดมาจากอะไรโดยปัญหาจะค่อยๆคลี่คลายไป

เรื่องนี้สอนอีกอย่างเกี่ยวกับมนุษย์คือความเห็นแก่ตัวในการเอาตัวรอด ไม่ว่าจะซ้ำเต็มเหยียบย้ำ แต่ถ้าเพื่อความรอดก็พร้อมที่จะทำ และการกระทำต่อโลกซึ่งถ้ารักษาและเข้าใจก็ไม่จำเป็นต้องหาดาวดวงใหม่เพราะการกระทำที่เอาแต่อยากรอดและสบาย เป็นหนังไซไฟเขย่าขวัญที่ดูแล้วใช้ได้ที่เดียว โดยเฉพาะการดำเนินเรื่องที่ต่อเนื่องที่พาหลอนไปตามทาง แต่การดำเนินยังง่ายไม่ค่อยมีอุปสรรคให้มากมายเดินลุยอย่างเดียวเหมือนทุกอย่างแก้ไขได้ง่ายๆ


ว่าด้วยเรื่อง"แพนดอรัม"ที่ตัวเรื่องกล่าวถึงคืออาการโรคทางจิตที่เกิดจากการที่จิตถูกดดันมากๆทำให้เห็นภาพหลอนต่างๆนาๆเป็นอาการที่เกิดขึ้นขณะที่อยู่ในอวกาศนานๆส่งผลทางจิตใจและอารมณ์ ทำให้หลายๆคนตั้งข้อสงสัยกันไปว่าจริงๆไอ้ตัว Cannibal ในเรื่องเนี่ยมันมีจริงหรือเปล่า เพราะตอนท้ายๆที่ตัวเอกยิงเจ้ามนุษย์กลายพันธุ์นี้บนช่องลมแต่สรุปกลับไม่มีตัวอะไรอยู่เลยเพราะอาการทางจิตที่คิดไปเอง เป็นต้น และผลสุดท้ายคนที่เกิดอาการนี้ก็อาจจะทำอะไรที่มันรุนแรงขึ้นมาได้และอาจพยายามฆ่าทุกคนเพราะอาการทางจิตของตัวเองที่รุนแรง

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)