No Country for Old Men (2007) ล่าคนดุในเมืองเดือด

No Country for Old Men (2007) 
ล่าคนดุในเมืองเดือด
Director: Ethan Coen, Joel Coen
Genres: Crime / Drama / Thriller
Grade:  A+

ชายวัยฉกรรจ์ ลูเวลลิน มอสส์ (Josh Brolin) กำลังออกเดินล่าสัตว์ท่ามกลางพื้นที่รกร้างอันกว้างขวางของทะเลทรายอันแห้งแล้งของรัฐเทกซัส ด้วยความบังเอิญอย่างคิดไม่ถึงเมื่อเขาได้พบเจอกลุ่มศพที่แน่นิ่งที่ผ่านมาได้ไม่นานที่ขณะนั้นก็สังเกตไปเจอเฮโรอีนกองใหญ่ที่ติดมาพร้อมกับเงินมหาศาล 2 ล้านดอลล่าร์ ทำให้ความคิดอยากรวยทางลัดก็เกิดขึ้นเมื่อเขาฉกฉวยกระเป๋าใบนั้น พร้อมความภูมิใจที่ตนเองเหมือนถูกหวย แต่ช่วงเวลากลางดึก มอสล์เป็นโรคขี้กระวนทำให้นอนไม่หลับจึงอยากออกไปช่วยชีวิตคนที่รอดที่ยังไม่ตาย แต่การตัดสินบ่งบอกได้ว่าช้าไปเมื่อเป็นคราวเคราะห์ที่โชคร้ายเพราะเจ้าของเงินได้มาทวงเงินคืนที่เกิดเหตุและออกตามล่ากัดไม่ปล่อยเมื่อรู้ว่าเงินไม่ได้อยู่ที่มันควรอยู่ ทำให้เกมไล่ล่าเกิดและเริ่มขึ้น โดยมีหนึ่งอาชญากรสุดอำมหิต ชิเกอร์ (Javier Bardem) ที่มากับความคิดและอุดมการณ์อันแสนประหลาดและกำกวม ที่ตามและไล่กวดอย่างมีความสารถและไม่มีใครขวางได้ โดยมีนายอำเภอประจำเมือง เอ็ด ทอม เบลล์ (Tommy Lee Jones) ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงและพ้นหน้าที่ความจริงได้กับคดีที่เกิดขึ้นกับปริศนาความถูกต้องที่เขารู้ไล่หาความจริงและความฝันที่เกิดขึ้น


กล่าวได้ว่าเป็นหนังที่ดูยากอีกเรื่องหนึ่งที่จะสรุปใจความออกมาได้ไม่ง่ายและนุ่มนวลและเข้าใจอย่างถึงแก่นอย่างสมบูรณ์ เพราะการทิ้งคำถามที่ตัวหนังไม่ได้กล่าวแต่ให้ผู้ชมเกิดคำถามและตั้งคำตอบขึ้นเอง ประเด็นของตัวหนังจริงๆคืออะไร ไม่มีการระบุเป็นนัยว่าควรจะยกย่องให้เป็นสิ่งนั้นเป็นสิ่งนี้แต่เป็นทุกสิ่งที่เกิดกับชีวิต อย่างความเสื่อมที่เรามองว่ายิ่งเวลาผ่านไปมนุษย์จะยิ่งมีอายุมากขึ้นและแก่ลงไปทุกๆวัน ประหนึ่งเช่นจิตใจของคนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นความเสื่อมทรามที่บั่นทอนสังคม ถ้านี่เป็นคำถามจากหนึ่งในนั้นอาจกล่าวได้ว่าความเสื่อมหรือการสิ้นสภาพเป็นช่วงที่เกษียณของชีวิตที่มักจะประสบตอนวาระบั่นปลายชีวิต ทำให้เกิดความคิดที่อยากให้ถึงความขีดสุดและไม่สิ้นสุดการใช้เวลาในการกระทำเรื่องราวต่างๆ โดยจงใจยอมรับและทำไปคล้ายผู้ชนะ แต่ถ้าเป็นเรื่องธรรมชาติก็คงไม่สามารถอธิบายได้ชัดถ้อยคำว่าเป็นเรื่องที่ผิดละถูกเพราะในความจริงทุกอย่างไม่ได้เกิดมาและใช้กันอย่างสมบูรณ์แบบ

มอสส์ เป็นคนช่างสังเกตที่สอดส่องทุกรายละเอียดเสมอ จนเป็นพวกเกิดความระแวงไม่มีความแน่นอนมั่นใจ การที่เจอเงินสดนั้นเป็นหลักประกันอย่างหนึ่งว่าเขาต้องมีช่วงเวลาและชีวิตที่เปลี่ยนไปถ้าหยิบกระเป๋าใบนั้นกลับบ้านไปกับเขา ถึงแม้จะไม่มีท่าทีแสดงอาการดีใจออกมาแต่เห็นได้ชัดว่ามอสส์โชคดีขนาดไหน ที่จากการล่าสัตว์ที่มีความปรานีมและใช้เวลาอย่างยาวนานในการเฝ้าสังเกตและจดจ่อกับความเหมาะสมของโอกาส แต่เมื่อขณะที่ล่าสัตว์เพราะการยิงพลาดทำให้ต้องแกะรอยตามทางมาเรื่อยๆจนพบกลุ่มคนที่ไม่มีชีวิตอยู่แต่นอนนิ่งกับพื้นที่ผ่านการยิงกันแบบเอาเป็นตายเพราะคิดว่าข้อขัดแย้งในการตกลง ทำให้มอสส์ต้องเจอยาเสพติดเฮโรอีนหลังรถที่ขนมาเต็มหลังกระบะ แต่เขาไม่ได้สนใจและหวังอะไรจากของแบบนี้ แต่สิ่งที่มอสส์เจอคือคนๆหนึ่งที่สภาพใกล้ตายที่ปากไร้แรงบอกว่าขอน้ำ แต่เขาไม่ได้ให้น้ำที่เดินออกจากที่แห่งนี้ ตามสถานการณ์และความคิดของมอสส์ทำให้เขาคิดว่าน่าจะมีใครที่รอดจากที่แห่งนี้และคาดว่าน่าจะอยู่ไม่ไกล ทำให้เขาเจออีกคนหนึ่งที่ตายแล้วพร้อมกับกระเป๋า ที่ภายหลังได้ถือออกไปแบบไม่สนใจว่าเคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น จนช่วงกลางคืนมอสส์เกิดนอนไม่หลับเพราะความคิดที่วนเวียนในหัวทำให้เกิดอยากไปที่นั้นอีกครั้งพร้อมกับน้ำที่ถือติดตัวมา แต่ทว่ากว่าเขาจะไปถึงก็สายเกินไปที่จะตัดสิน และกลายเป็นเรื่องราวที่พาไปพัวพันกับความลับที่ไม่ใช่อีกแล้วเพราะการตัดสินที่พลาด จากเรื่องเล็กที่ไม่มีใครู้ก็เหมือนเข้าถ้ำเสือเป็นเรื่องใหญ่ที่นำพาสู่การติดตามไล่ล่าที่มีความระแวงและการอยู่รอดอย่างไม่สิ้นสุดได้ตนเองเกิดความปลอดภัย


ประเด็นคือความโลภเป็นเรื่องของการนำพาสู่การไร้ตัวตนและความไม่สนใจต่อโลกที่อยากช่วยเหลือแต่ปฏิเสธจนความดีที่ควรเกิดมนเวลาที่ช้ากลายเป็นดวงซวยที่เกิดเพราะการทำดีที่ช้าไป เพราะบางทีถ้ามอสส์ยอมช่วยเหลือชายคนนั้นอาจจบเรื่องราวได้โดยสั้นและไม่มีปัญหาเกิดขึ้นได้ จากที่เห็นเป็นการสะท้อนอย่างหนึ่งของเรื่องราวที่จะประมินคุณค่ากันด้วยราคา ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าเป็นหลักฐานอย่างดีในการส่อแววพฤติกรรมของมนุษย์ ที่เรามักจะตีความกับวัตถุที่ด้วยราคาและมักจะติดมากับคุณค่าของชีวิต และเรามักใช้เหตุผลกันง่ายๆตามทางเลือกที่ง่ายตาม ถ้ามอสส์เลือกช่วยชีวิตคนมากกว่าเงินในกระเป๋า การไลล่าอาจไม่เกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้นได้ถ้าเขาช่วยชีวิตให้รอด ฉะนั้นไม่ว่าจะเลือกเงินหรือชีวิตคนสุดท้ายความสมบูรณ์แบบก็ไม่ใช่คำตอบที่เราจะสรปได้ว่าควรเลือกอะไร เพียงเพราะตามหลักเกณฑ์ของธรรมชาติที่ต้องดำรงในฐานะผู้ใช้ชีวิต

No Country for Old Men เป็นหนังดูง่ายเพราะไม่มีความซับซ้อนที่เกินตัว แต่มีความนัยที่ซ่อนมากับนายอำเภอเบลล์ ที่มักจะพูดและเกริ่นเรื่งราวของชีวิตของตนเองมาตลอดเหมือนงานอดิเรกพร้อมกับความเบื่อของชีวิตที่อยู่วัยเกษียณที่ดูเป็นภาระทำให้ต้องช้ากว่าที่คิดเสมอ เขามักจะบอกว่าเป็นหน้าที่ที่ได้รับมากจากรุ่นก่อนๆโดยมักจะพูดถึงพ่อที่เขาจะเจอในฝัน เหมือนเป็นเรื่องปลูกฝังที่ติดมากับสายเลือด เพียงเพราะว่าความยุติธรรมที่น่าจะเกิดกับอนาคตและมีความศรัทธาที่จะอยู่ต่อไป


อีกสิ่งที่ชื่นชมคือการแสดงของ Javier Bardem ที่สวมบทบาทเป็นชิเกอร์ได้แบบโรคจิตสุดยอดของความน่ากลัว ที่มากับความโดดเด่นชนิดใครเห็นต้องผวาเพราะความใจเย็นที่สุดเย็นชาแน่นิ่งเก็บอารมณ์ ไม่ยี่หระต่อมนุษยธรรมใดๆ ทำให้กลายเป็นตัวละครที่ห่างไกลความเป็นคุณสมบัติมนุษย์ที่เป็นตามธรรมชาติ แต่ตรงข้ามที่ทำออกมาได้อย่างน่าหดหู่และเถื่อนดิบ  ถ้าตัวหนังจะสื่อออกมาได้อย่างดีเยี่ยมทั้งเรื่องแวดล้อมและการเปรียบเทียบอุปมาอุปมัย ที่วิถีของคนก็เหมือนน้ำใจที่มีแต่ความแห้งแล้งเหมือนทะเลทรายที่เกิดฟ้าผ่าแต่ไม่มีฝน มีแต่ความหวังที่ปรากฎต่อหน้าแต่ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ชิเกอร์มีอุดมการณ์ที่ปะปนกับความวิตกในอุดมคติที่จะมาพร้อมกับลูกเล่นต่างๆ ให้เหมือนชีวิตเป็นเหรียญสองด้านที่จะพลิกเป็นหัวหรือก้อยก็ได้ และจะทายถูกกันหรือเปล่า ถ้าการทายถูกอาจทำให้เป็นผู้วิเศษก็อาจจบด้วยการเป็นคนธรรมดา แต่ถ้าทายผิดอาจกลายเป็นคนธรรมดาที่มีจุดจบอยู่ต่อหน้า โดยไม่ได้รู้เลยว่านั้นเป็นข้อต่อรองที่มากับความเป็นไปได้ห้าสิบต่อห้าสิบ เพราะตัวละครอย่างชิเกอร์เป็นอีกอย่างที่ตัวหนังมีอรรถรสของความเถื่อนที่มีคำถามและคำตอบมากมาย ที่ต่างมองและหักมุมมากมายกับความเรียบง่ายที่ทำออกมาได้น่าผวา

ฉากที่จัดว่าน่าสนใจคงไม่พ้นการที่ชิเกอร์ให้ลุงเจ้าของร้านลองทายเหรียญ โดยที่ไม่รู้ว่าเดิมพันด้วยอะไรเพราะความต้องการของชเกอร์ที่ไม่ยอมบอกตรงๆ แต่หมายถึงทุกสิ่งในชีวิตที่ต้องการ พูดง่ายๆคือเวลาที่เหลืออยู่ ประเด็นที่น่าสนใจคือการทายเหรียญที่ปรากฎว่าเป็นการทายที่ถูกคือการที่ชิเกอร์บอกว่าอย่าเก็บไว้ในกระเป๋าเพราะมันเป็นเหรียญนำโชค ฉะนั้นอย่าเก็บเข้ากระเป๋า มันจะไปปนกับเหรียญอื่น และไม่รู้ว่าเป็นเหรียญไหนแล้วมันจะกลายเป็นเหรียญธรรมดา ข้อสังเกตคือการให้คำตอบที่ฟังดูก่ำกึ่งที่ฟังมีเหตุผลและยากในการให้คำตอบกับความหมายนี่ว่าควรไปทิศทางไหนดี เพราะมันเป็นเรื่องของความคิดในอุดมคติ หรือประเด็นที่น่าจับตามองคงไม่พ้นคุณค่าชีวิตที่ยากในการตีราคาเหมือนเหรียญนำโชคที่ไม่อยากมีราคาไปปะปนกับเหรียญอื่นจนหมดความเป็นอภิสิทธิ์ตัวเองไป


No Country for Old Men จบลงแบบตัดห้วน จนอาจเรียกได้ว่าจากไปแบบกะทันหัน ทำให้ผู้ชมดูแล้วงง เพราะตัวหนังมาได้อย่างเรียบเนียนผสมผสานแอ็คชั่นทริลเลอร์ลุ้นระทึกสุด แทบไม่หายใจ ทำให้เป็นเรื่องที่มีความหวังว่าจะเป็นแบบไหนกันในตอนจบ โดยทั้งนี้เป็นหนังที่ดูยากและที่สำคัญที่สุดคือการตีความให้ได้ เพราะไม่งั้นการชมเรื่องนี่ก็เหมือนให้ความรู้สึกโดนหลอกทั้งที่จริงๆแล้วการทำเหมือนหนังตัดจบก็เหมือนชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะจบตอนไหน และการตีค่าอีกมากมายที่ตัวหนังแสดงออกมาในแบบที่ธรรมชาติจนเป็นเรื่องธรรมดาที่ดูแล้วไม่มีความน่าพิเศษแต่มันเป็นเรื่องจริงที่เราประสบพบและเจอกับเรื่องราวแบบนี่ตลอด ฉากจบตอนเกษียณของนายอำเภอเบลล์ที่นั่งดื่มกาแฟกับภรรยาพร้อมกับการเล่าถึงความฝันเมื่อคืนให้เธอฟัง นายอำเภอเล่าไปเรื่อยๆ ถึงฝันที่เป็นเรื่องราวของพ่อ และจบเรื่องเล่าของตนพร้อมการจบลงของหนังเรื่องนี้ด้วยประโยคที่ว่า “แล้วผมก็ตื่นขึ้น”

นอกจากจะเป็นหนังเชิงเปรียบเทียบแล้ว ยังมีลูกเล่นที่มีความคิดต่างไม่มีการออมมือมีความจริงความจังที่ผสมความเป็นทริลเลอร์ที่ลงตัวและน่าตกใจ ถึงแม้ในด้านเพลงประกอบจะไม่มีเลยแต่ในความเงียบจัดเป็นหนังที่ส่อออกมาได้อย่างดูน่ากลัวและอันตรายต่อสิ่งรอบด้าน ถึงแม้จะไม่มีอะไรแต่ในความเงียบเป็นเรื่องที่น่ากลัวและเป็นไปได้ที่จะจบลงอย่างรวดเร็ว หนังแม้ความจะดีในตอนจบ แต่มันต้องตีความกันหลายตลบกว่าจะเข้าใจ ทำให้ความรู้สึกแรกยากที่จะพ้นการเหมือนตัดจบ การเล่าเรื่องที่มีเสน่ห์ทำเป็นหนังที่น่าจดจำที่มีความไหวพริบที่ชาญฉลาด และยากในการหาที่ลงของการเดาทางของเนื้อเรื่อง No Country for Old Men ได้รับรางวัลอคาเดมี่ 4 สาขาเขียนบทและกำกับ จัดว่านอกจากจะคมคายแล้วยังแฝงคุณค่าของชีวิตที่อัดความเข้าใจและความรู้สึกได้เต็มเปี่ยมเหมาะกับความยุติธรรมที่นับวันจะเริ่มเสื่อมทรามที่หมดน้ำใจ

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)