House of the Dead 2 : Dead AIM (2005) แพร่พันธุ์กองทัพผีนรก

House of the Dead 2 : Dead AIM (2005)
แพร่พันธุ์กองทัพผีนรก
Director: Michael Hurst
Genres: Action / Comedy / Horror / Sci-Fi / Thriller
Grade: D+

ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเชื้อซอมบี้ได้แพร่ระบาดไปทั่วบริเวณ ด้วยความที่จะยุติเชื้อและการแพร่กระจาย ทำให้เจ้าหน้าที่ฎิบัติการอเล็กซ์(Emmanuelle Vaugier)และเอลลิส(Ed Quinn)ต้องไปค้นหาแห่งต้นต่อที่เกิดในมหาลัยด้วยการตามหาซอมบี้ตัวแรกสุดที่ทางรัฐบาลคิดว่าสามารถนำอีเอ็นเอมาสกัดเป็นยาวัคฉีนได้ แต่สถานการณ์ไม่ได้เลือกเข้าข้างเพราะต้องแข่งกับเวลาที่ก่อนจรวดจะมาระเบิดมหาลัยเป็นจุด ทำให้อเล็กซ์กับเอลลิสต้องเร่งปฏิบัติการค้นหาอย่างเร่งรวด แต่กลับไม่ง่ายเมื่อซอมบี้มีอยู่ทุกบริเวณเต็มไปหมดและยึดครองพื้นที่บรเวณแบบไม่ให้เข้าได้หรือออกได้อย่างปลอดภัย ทำให้เขาและเธอทั้งสองต้องเสี่ยงอันตรายกับการหาซอมบี้เพียงตัวเดียว แต่ภารกิจจะสำเร็จหรือเปล่า


กลับมาอีกครั้งกับหนังซอมบี้ที่เคยถล่มผู้ชมแบบเจ็บระนาว คราวนี้เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับภาคแรกเลย ทั้งที่ตอนท้ายทิ้งเครดิตแบบก่ำกึ่งว่าน่าจะมีภาคต่อซึ่งควรจะมีเนื้อเรื่องต่อกัน กับภาคสองนี้เหมือนเป็นการเริ่มต้นซอมบี้ซะใหม่ที่ไม่ได้อิงจากภาคหนึ่ง ซึ่งตัวหนังจะเริ่มที่การทดลองโดยเป็นการทดลองเกี่ยวกับคนตายที่ต้องการให้ฟื้นคืนชีพและแน่นอนอย่างว่าคือความสำเร็จของการทดลองผิดๆมักเป็นเรื่องต้องห้ามที่หายนะ

เนื้อเรื่องเปิดมาด้วยความตื่นเต้นที่มีทหารโผล่ออกมาประหนึ่งจะออกไปรบ และในความคิดของผู้ชมจะบอกได้อย่างเดียวที่รู้ว่าเป็นหนังซอมบี้คือการไปต่อสู้ แต่เวลานั้นแหลพที่หนังหลอกตาผู้ชมนำพาสู่นอกเรื่อง แล้ววกเข้าตัวเรื่องที่จริงๆแล้วในส่วนข้างต้นแทบไม่จำเป็นต้องมีก็ยังได้ เพราะตัวเรื่องจริงๆจะใช้แค่จุดเล็กๆเป็นการทอดเรื่องราวเท่านั้น ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เอามาทดลองและจุดเริ่มต้นก็เป็นความผิดพลาดของการไม่รอบคอบที่ฉีดยาเข้าตัวทดลองแล้วกลายเป็นซอมบี้ที่เดินมากัดแบบไม่ทันระวังเพราะคิดว่าฟื้นชีพคนตายได้ แต่กระนั้นคนตายกลับไม่ได้มาเปล่าๆแต่เป็นซอมบี้ที่กระหายอยากกัดกินคนเป็น


ช่วงต้นเรื่องราวของหนังยอมรับว่าดูง่ายและไม่มีอะไรใหญ่โตแต่มาแบบเงียบชนกลุ่มน้อยที่ทำการทดลองในมหาลัย ถ้าลองสังเกตดีๆซอมบี้ที่เป็นต้นเหตุจนเกิดเรื่องวุ่นวายนั้นมาจากแค่ตัวเดียว และในเวลาไม่ทันถึงนาทีก็กลายเป็นว่าได้เพิ่มจำนวนมาอีก แต่คงจะง่ายไปอีกถ้าจะโดนกัดกันง่ายแบบนี้ ซึ่งตัวละครต่างๆที่มีมาถ้าจับจุดดีๆเป็นส่วนเกินทั้งสิ้น เพราะว่าความง่ายของหนังที่วางตำแหน่งบทและสภาพแวดล้อมที่เรียกว่าบังคับกันเห็นๆ ทั้งความที่โดนกัดง่ายแบบไม่สิ้นคิด เริ่มจากการที่โชว์เก่งเกินตัวทั้งที่มีปืนในมือกับแลือกไม่ยิง แถมทิ้งปืนแล้วไปสู้แบบตัวต่อตัวกับซอมบี้จนผู้ชมบอกว่าเจ้านี่เก่ง แต่พอถึงช่วงจุดหนึ่งงเท่านั้นแหละความจริงก็ปรากฏทันทีเมื่อกลายเป็นว่าโดนกัด ซึ่งในความเป็นไปได้แค่ยิงเปลืองกระสุนไม่กี่นัดก็เอาอยู่แล้ว แต่ที่ต้องยอมรับว่าสุดยอดและมาเว่อร์เก่งขั้นเทพจริงๆต้องยกให้บทพระนางเอกหรืออเล็กซ์กับเอลลิสที่อยู่คงกระพันและเก่งเกินกว่าจะบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการธรรมดา

ตัวบทบาทของหนังดูไม่ง่ายจนเกินไปซึ่งทำให้ความง่ายลดน้อยลงและเพิ่มความแปลกเข้ามาอย่างการตั้งชื่อรุ่นของซอมบี้ทำให้อธิบายได้ว่าตัวไหนคือรุ่นแรกและนี่เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าการจะรู้ได้ยังไงว่าตัวไหนคือซอมบี้ตัวแรก เนื้อเรื่องดูไม่ค่อยบีบบังคับพากดดันเท่าไร กระนั้นก็เพิ่มความยากกับพล็อตให้ตัวละครดูลำบากยิ่งขึ้น และลูกเล่นที่นำเสนอแต่ไม่ได้ทำให้เกิดประเด็นคือการเป็นซอมบี้ได้ทั้งที่ไม่ได้โดนกัด แต่เป็นการติดเชื้อที่เกิดจากพาหะ และนั้นก็เป็นยุงที่แพร่เชื้อทางอ้อม


House of the Dead 2 ในช่วงท้ายของหนังจะมีความเว่อร์ที่ไม่น่าเป็นไปได้แต่เป็นไปแล้วแบบนั่งงงๆว่าทำได้ไงเพราะอเล็กซ์กับเอลลิสมีความอึดที่เรียกว่าอึดมากที่อยู่รอดและไม่โดนกัด ทั้งนี้จะยกฉากสำคัญๆที่เห็นแล้วต้องร้องว่าผู้เขียนบทลำเอียงไปไหม อาทิฉากที่เห็นในช่วงท้ายคืออเล็กซ์กับเอลลิสที่สามารถฝ่าดงซอมบี้แบบกลืนเข้าไปทั้งที่ประชิดตัว แต่ที่จัดหนักว่าชัดๆเลยคือเอลลิสอยู่ในดงซอมบี้แล้วไม่โดนกัดหรืออะไรทั้งที่มีซอมบี้นับสิบอยู่ต่อเพียงแค่ปัดไปผลักมาก็ยังไม่โดนกัด หรือจะอเล็กซ์ที่สุดยอดมากที่สามารถสู้กับซอมบี้หลายๆตัวด้วยมีดสั้นๆที่ตอนหลังฟันแต่ขา แถมไม่รู้ได้ไงยังอุตส่าห์รอดมาจากการโดนยิงระเบิดที่ตามความเห็นจากการระบิดแล้วไม่น่ารอด และสภาพตัวร่างกายยังสมบูรณ์พร้อมไม่บาดเจ็บมีเพียงเลือดที่เลอะตามตัว ด้านตัวละครอื่นออกจากมีบทน้อยไปหน่อยและสั้นเกินไปเพราะยกให้พระนางเอกไปซะหมด

องค์ประกอบในการแต่งซอมบี้ถือว่าดีมากเลย พัฒนาได้ดีกว่าภาคแรกที่แต่งแบบลวกๆ ซึ่งช่วยให้ตัวหนังมีความสยองยิ่งขึ้นตามแบบซอมบี้ที่นองเลือด แต่รู้สึกจะให้ซอมบี้อ้วกเลือดบ่อยไปหน่อย สงสัยต้องการความดูโหดในการเล่นเลือดให้เพิ่มความน่ากลัว และแน่นอนแค่หน้าตาก็ให้แล้วกับการแต่งที่ดูเข้าท่าเข้าทางตามลักษณะซอมบี้ที่มาโหด


เนื้อเรื่องมีการดำเนินที่ต่อเนื่องและเล่นเรื่องตลอดเวลาจึงทำให้ไม่มีความน่าเบื่อที่ชวนอืดอาด แถมความแอ็คชั่นที่ผสมปะปนให้ดูมันส์ แต่ดูเหมือนความแอ็คชั่นไม่ได้ดูบู๊เท่าภาคแรกที่ยังดูน่าติดตามแต่นั้นช่วยให้ความลงตัวกับหนังดูคงเส้นได้ดี ไม่ได้มามั่วเหมือนภาคแรกที่ซอมบี้มาเป็นนินจากระโดดแข่งวิ่งไล่กัด ถ้าจะเปรียบเทียบระหว่าง House of the Dead (2003) กับ House of the Dead 2 : Dead AIM (2005) แล้วล่ะก็ในภาคแรกจะหนักไปที่ความเว่อร์กับการหนักไปทางแอ็คชั่นที่จะยิงกันแหลกหลาญ ในส่วนภาคสองจะไม่เน้นความแอ็คชั่นแต่ให้กับความสยองกับซอมบี้ที่ใช้ปริมาณเลือดและการแต่งเข้าช่วย ถึงกระนั้นความเว่อร์ก็ยังไม่หลุดพ้นอยู่ดี

โดยรวมในภาคนี่มีการใช้ตัวละครได้อย่างสิ้นเปลืองกับความง่ายของเนื้อเรื่องที่ให้ตายๆไปซะ เพื่อยกระดับการดำเนินเนื้อเรื่องให้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นส่วนที่ดีที่ดำเนินเรื่องไปตลอดให้น่าติดตามแต่เป็นความง่ายไปถ้าจะใช้ตัวละครไม่คุ้มค่า กับความสยองถือว่าดูโหดและเหมาะกับโทนหนังที่เล่นในเวลากลางคืนบวกกับในมหาลัยที่เดินไปก็เจอทันที ซอมบี้ดูเป็นลักษณะของตัวแบบซอมบี้ที่น่ากลัวทำให้เพิ่มรสชาติกลิ่นอายและอรรถรสได้มาก ส่วนผู้หญิงในเรื่องดูสวยดีทำให้ตัวหนังเพิ่มจุดดึงดูดสายตาได้ระดับหนึ่ง(ความเห็นส่วนตัวเพราะสวยจริงๆ) ถึงแม้จะลงเอยตามสูตรใช้ที่แคบในการเล่นหนังและไม่ไปไหน แต่มีฉากไล่ล่าให้ตื่นเต้นได้เรื่อยๆก็ถือว่าไม่น่าผิดหวังสำหรับคนชอบแนวนี่ที่ไม่ได้หวังอะไรมากมาย
รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)