Child's Play 3 (1991) แค้นฝังหุ่น 3

Child's Play 3 (1991) | แค้นฝังหุ่น 3
Director: Jack Bender
Genres: Horror | Thriller

แอนดี้(Justin Whalin)ผ่านเรื่องร้ายมาแล้ว 8 ปีและตอนนี้ต้องได้รับการศึกษาเรียนต่อที่โรงเรียเตรียมทหาร จากความเข้มงวดต่างๆทำให้ต้องเจอภาวะที่เครียดจากผู้คนที่ไม่รู้จัก แต่แอนดี้ก็ยอมรับทำใจในฐานะน้องใหม่


ไทเลอร์ (Jeremy Sylvers) เด็กที่มาเรียนก่อนหน้าแอนดี้ได้ส่งพัสดุบางอย่างกับแอนดี้แต่ทว่าระหว่างทางเจออุบัติเหตุทำให้รู้ความจริงภายในกล่องและเป็นตุ๊กตากู๊ดกายที่ตัวเองอยากได้เหมือนกัน แต่ฝันร้ายได้เปลี่ยนไปเมื่อไทเลอร์ไม่รู้มาก่อนว่าชัคกี้คือใคร และแอนดี้เองก็รู้แล้วว่าชัคกี้ยังไม่ตาย ทุกครั้งที่เจอไทเลอร์แอนดี้จะคอยเตือนด้วยวิธีต่างๆให้อยู่ห่างจากตุ๊กตานั้น ทว่าการไล่จับชัคกี้ไม่ใช่เรื่องง่ายและทุกครั้งจะเกิดคนตายขึ้นเสมอ ทำให้แอนดี้ต้องยับยั้งชัคกี้ให้ได้ก่อนชัคกี้จะสลับร่างกับไทเลอร์สำเร็จ

มันมาอีกแล้วตุ๊กตาชัคกี้ที่ไม่ยอมตายขาดจริงๆทั้งที่ในภาคสองโดนแหลกขนาดนั้น และการกลับมาในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่ามันเว่อร์เกินไปที่จะฟื้นคืนชีพกลับมาและเป็นความตั้งใจที่ไร้เหตุผลอย่างมากที่จะให้ชัคกี้กลับมาตามคำเรียกร้องด้วยความฮิตก็ตาม ในคราวนี้ชัคกี้ไม่ได้บุกบ้านหรือเร่ร่อนอย่างเคยเพราะเข้าถิ่นดงทหารกันไปเลยเพื่อตามหาแอนดี้อย่างเคยตามสูตร แต่สูตรที่อร่อยต้องเปลี่ยนรสไม่ให้จำเจเมื่อชัคกี้ได้เห็นเหยื่อรายใหม่แทนแอนดี้ที่รอมานาน 8 ปีจะพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ประสบผล ทำให้ชัคกี้ได้ความคิดที่จะยึดร่างเด็กอีกคนที่เกือบจะได้ง่ายๆแล้ว แต่เรื่องอะไรจะให้ง่ายขนาดนั้น มันต้องมีลุ้นกันบ้าง


ตอนเปิดเรื่องทำได้น่ากลัวดีค่อยๆกลายเป็นเค้าโครงหน้าตุ๊กตาจากแม่แบบโดยการฉายด้วยความเร็ว คือจะค่อยปรากฏเด่นชัดจนขึ้นเรื่อยจนกลายเป็นหน้าตุ๊กตาแล้วตามด้วยเสียงกรีดร้องของชัคกี้ ถ้าถามว่าชัคกี้ที่แหลกขนาดนั้นในภาคสองจะกลับมาได้อย่างไง คงเป็นที่น่าสงสัยอยู่ไม่ใช่น้อย แล้วหนังก็เลือกแก้ปัญหาด้วยเรื่องเลือดนี่แหละที่ทำให้ชัคกี้คืนชีพมาได้ ซึ่งตอนแรกๆของหนังเลือดได้ไหลหยดลงในพลาสติกเหลวแล้วรวมกันเป็นชัคกี้ง่ายๆแบบนี้เลย ทำแบบนี้ไม่เท่ากับว่าชัคกี้เป็นอมตะหรอกหรือไร

อันดับแรกสิ่งที่เห็นและรู้สึกว่าบ่อยคือชัคกี้ในเรื่องดันชอบแหกปากร้องซะจริง ประมาณว่าความน่ากลัวหรือเทคนิคต่างๆเริ่มไม่ค่อยมีเท่าไหร่ แต่สิ่งที่คงยืนยงเหมือนดิมคือเป็นพวกซุ่มไม่เปลี่ยนแปลง แล้วไหนจะความโหดที่มองว่าภาคนี้ไม่ค่อยน่ากลัวแต่สยองมากกว่า


เอาง่ายอีกอย่างคือชัคกี้ไม่ค่อยมีลูกเล่นให้น่าสนใจ จะมีก็คือความแสบในช่วงท้ายที่เกือบจะฆ่าทหารทั้งกองแบบไม่ต้องทำอะไรแค่ยืมมือฆ่า เป็นการแสดงว่ายังฉลาดเรื่องวางแผนแบบเงียบเช่นเคย ทว่าเทคนิคเคลื่อนไหวดูจะน้อยลงรายละเอียดไม่เด่นชัดเหมือนบางครั้งชัคกี้อยู่เฉยๆและสายหัวให้น่ากลัว ในขณะที่ลุคหน้าตามีส่วนที่จัดหนักกว่าเดิมคือหน้าตาที่แสดงอารมณ์ได้เข้มกว่าเดิมมีความโรคจิตสูง เห็นง่ายว่าเจ้านี้ดูเป็นฆาตกรที่มีแผนในใจชัวร์

ในส่วนแอนดี้เองก็เปลี่ยนนักแสดงไปเป็น Justin Whalin ที่เรื่องกำหนดไว้ว่าเป็นเนื้อเรื่องที่ดำเนินหลังจากเหตุการณ์ภาคสองมา 8 ปี ที่เวลานี้แอนดี้ต้องได้รับการดูแลและเรียนหนังสือในโรงเรียนเตรียมทหาร สิ่งที่ทำให้ตัวละครนี้ยังเหมือนเดิมคือประวัติที่ติดตัวมาเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นๆที่ลงหน้าข่าวหนังสือพิมพ์จนทิ่มแทงไม่มีวันหาย และทุกครั้งทีเห็นตุ๊กตากู๊ดกายก็เหมือนเห็นชัคกี้ด้วยเช่นกัน เมื่อแอนดี้ต้องเข้าในค่ายทหารสิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติคือการยอมรับสถานะภาพต่างๆที่เข้มงวดด้วยกฎเกณฑ์ที่มีระเบียบนี้เองที่ทำให้แอนดี้มักออกนอกทางเป็นบ่อยครั้ง บางทีอาจมองว่าเป็นเด็กใหม่ที่พึ่งเข้าจึงยังปรับตัวไม่ถูกแต่ความจริงแอนดี้ทำได้ ที่ทำไม่ได้เพราะแอนดี้เริ่มรู้การมีตัวตนของชัคกี้ที่เขามั่นใจว่ายังอยู่ การแสดงของ Justin Whalin ทำให้มองว่าเป็นเด็กซื่อในบางเวลาที่พร้อมจะยอมรับผิดเสมอ และไม่ใช่ทุกครั้งที่จะยอมรับได้เมื่อเขามีคำแก้ตัวที่ฟังไม่ค่อยขึ้น


ไทเลอร์เป็นตัวละครที่มีบทบาทคล้ายแอนดี้สมัยเด็ก ด้วยความบังเอิญจากการทำกล่องที่ส่งพัสดุตกบันไดทำให้เห็นว่าเป็นกล่องตุ๊กตากู๊ดกายจึงคิดอยากได้เสียเอง และผลคือเหนือความคาดหมายของชัคกี้ที่จริงแล้วต้องการมาหาแอนดี้อย่างเดียว และด้วยที่ไทเลอร์เห็นชัคกี้ก่อน ทำให้ประเด็นความคิดที่ไม่อยากเสียเวลาของชัคกี้จึงเริ่มวางแผนใหม่ด้วยการบอกความลับของตนให้ไทเลอร์ฟัง ซึงเท่ากับว่าชัคกี้หมายตาสลับร่างไทเลอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ตัวไทเลอร์เองก็ตกใจไม่แพ้กันที่ความสารถของตุ๊กตากู๊ดกายจะพูดได้มากกว่าสามประโยคและขยับได้อย่างอิสระ แต่หลังจากที่แอนดี้รู้ความจริงต่างๆทำให้ไทเลอร์มักถูกเตือนจากแอนดี้ให้ระวังตัวมากขึ้นกับชัคกี้ แต่ของเล่นยังคู่กับเด็กและใช่ว่าเด็กจะเชื่อง่ายๆ กว่าจะถึงตอนนั้นคงต้องเจ็บตัวก่อน

ความอืดอาดการดำเนินเรื่องออกจะช้าไปเรื่อยๆ ถ้าหากใส่ลูกเล่นมากกว่านี้และให้ชวนสนุกระทึกอย่างเคย จะแก้ในส่วนที่ช้าได้ดี ในด้านนักแสดงคงไม่ต้องกล่าวอะไรนอกจากว่ามีตัวละครที่เยอะและจัดการได้ไม่หมดเท่าไหร่ เว้นแต่ตัวหลักๆที่แสดงมากๆที่มักจะให้แสดงต่อไป ส่วนคนอื่นๆเป็นตัวประกอบที่เดินผ่านเท่านั้น ความโหดต้องยกให้เป็นความสยองแทนเพราะภาคนี้ชัคกี้มาดุมากกว่าเคย บางทีความตลกของเรื่องจะแผ่วไปมากกลายเป็นเรื่องลุ้นระทึกแบบเครียดๆแทน จนมีแต่ตัวละครชัคกี้ในเรื่องเท่านั้นแหละที่นึกขำตลกเอง และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ตั้งแต่ภาคแรกคือเสียงพากย์ชัคกี้ที่ยังมีระดับเช่นเคยกับ Brad Dourif


ความจริงแล้วตัวหนังควรจะมาช้ากว่านี้เพราะบทของหนังยังไม่ดีพอ ด้วยเหตุผลที่ว่าคนเขียนบท Don Mancini นั้นยังไม่เกิดไอเดียดีๆขึ้นมาเลย ยิ่งภาคแรกก็อัดเนื้อหามากพออยู่แล้วพอมีภาคต่อก็พอทำเนาได้บ้างแต่ยังโล้งๆอยู่ ด้วยเหตุที่ว่าทาง Universal Pictures นั้นเร่งให่ส่งต้นฉบับ เร่งมากจนภาคสองยังไม่ทันฉายเลยด้วยซ้ำ ทำให้หนังดูไม่มีอะไรใหม่เลยจริงๆ ประเด็นต่างๆก็ล้วนหายหมดเป็นไปตามสูตรอย่างเดียวคือไล่ล่าฆ่าเพื่อสลับร่าง เป็นภาคต่อครั้งที่สามที่ Don Mancini ไม่ชอบเอาเสียเลย ไหนจะเร่งรีบแบบสุดๆจนออกฉายหลังภาคสองด้วยระยะเวลาห่างแค่ 9 เดือนเท่านั้น ถ้าอยู่ปีเดียวกันก็ได้สองภาคติดกันล่ะงานนี้ ผลของการเร่งรีบที่เกินขอบเขตทำให้การดำเนินไม่ค่อยเข้มข้นอย่างเคยไหนจะความหลอนกับการดำเนินเรื่องล้วนไม่มีความขลังอย่างเคยกลายเป็นความโหดเอาเลือดแทน ซึ่งฉากโหดๆนั้นก็ใช่จะมาบ่อยแต่นานกว่าจะมาได้ ในขณะที่เนื้อเรื่องเองดูบังเอิญเหมือนช่วงแรกของภาคสองที่หลังจากฟื้นขึ้นมาก็ต้องฆ่าโชว์เหยื่อกระตุ้นผู้ชมแล้วหารายชื่อหนึ่ง นั้นคือแอนดี้ เห็นว่ารายละเอียดพอกันเลย แต่ต่างกันที่สถานที่เท่านั้น จากบ้านที่มีครอบครัวกลายเป็นโรงเรียนเตรียมทหารที่เต็มด้วยความเข้มงวด ถ้าจะดูเอาสนุกคงบอกได้ไม่เต็มอิ่มเท่าไหร่เหมื่อเทียบกับภาคก่อนทั้งสองภาค แต่ถือว่าเป็นเนื้อเรื่องที่ตัดขาดกับแอนดี้ให้จบๆซะทีกับชัคกี้เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรให้เจอกันได้แล้ว จะบอกว่าเป็นภาคจบที่ไม่ค่อยสวยแต่พอดูได้ดูดีในระดับพอทน


Child's Play 3 ยังเคยเป็นกระแสข่าวที่ไม่น่าเกิดขึ้นอย่างการบอกว่าเป็นแรงบันใจทำให้เป็นคดีสะเทือนขวัญต่างมากมายอย่างเช่น

คาร์วัลโย ดอส ซานโตส สักรูป ตุ๊กตาผีชักกี้ บนหลัง นอกจากนั้นในโทรศัพท์ที่เขาใช้บันทึกภาพการฆ่าตัดคอแฟนสาว ก็ปรากฏภาพของตุ๊กตาผีเช่นเดียวกัน

เด็กชาย "โรเบิร์ต ธอมป์สัน" กับ "จอห์น เวเนเบิลส์" ที่ก่อคดีฆ่า "เจมส์ บัลเจอร์" ก็เป็นแฟนหนัง Child’s Play 3 เช่นเดียวกัน ในหนังเรื่องที่ว่ามีฉากที่ ชักกี้ถูกเอาสีละเลงหน้า และถูกตีจนหน้าเละ

ซึ่ง บัลเจอร์ วัย 2 ขวบ ก็ถูก ธอมป์สัน กับ เวเนเบิลส์ ที่มีอายุเพียง 10 ขวบ กระทำด้วยวิธีเดียวกัน จนถึงแก่ความตายเมื่อปี 1993 ซึ่งระหว่างการพิจารณาคดี ผู้พิพากษาได้เอ่ยถึงวิธีการฆ่าในคดีสุดสะเทือนขวัญครั้งนี้ว่า เหมือนกับถอดแบบมาจากในหนังเลยที่เดียว


ในปี 1993 เช่นเดียวกันยังเกิดเหตุการณ์ที่ "ซูซาน แคปเปอร์" ชาวแมนเชสเตอร์ ถูกพาตัว และโดนกังขังทรมานอยู่ถึง 7 วันจนถึงแก่ความตาย ด้วยสาเหตุอวัยวะหลายส่วนไม่ทำงาน โดยมีผู้ต้องหา 6 คนหนึ่งในนั้นเป็นเด็กที่ แคปเปอร์ เคยเป็นพี่เลี้ยง

โดยระหว่างการถูกกักขัง หญิงผู้เคราะห์ร้ายถูกทรมาทรกรรมด้วยวิธีอันโหดเหี้ยม ทั้งการฉีดแอมเฟตตามีนส์ เข้าเส้น, จี้ด้วยบุหรี่ และที่สำคัญมีการใช้เพลงรีมิกซ์ Hi, I'm Chucki (Wanna Play?) ของ 150 Volts ความยาว 45 นาที ที่มีการแซมเปิลส่วนหนึ่งจากหนัง Child's Play 3: Look Who's Stalking เร่งเสียงดังที่สุดใส่หูฟัง กรอกหูเหยื่อ

ยังมี "มาร์ติน ไบรแอนต์" ฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง ที่อันตรายที่สุดของออสเตรเลียกับการสังหารคนไปถึง 35 คนที่เรียกกันว่า "การสังหารโหดที่พอร์ตอาร์เธอร์" ในปี 1996 ที่แทบจะทำให้ออสเตรเลียตกอยู่ในความอกสั่นขวัญแขวนกันทั้งประเทศ ซึ่งแฟนสาวของ ไบรแอนต์ เปิดเผยว่า “มาร์ติน ชอบ ชัคกี้”

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)