Godzilla vs. Biollante (1989) ก็อตซิลล่าผจญต้นไม้ปีศาจ

Godzilla vs. Biollante (1989)
ก็อตซิลล่าผจญต้นไม้ปีศาจ
Director: Kazuki Ohmori
Genres: Action | Sci-Fi | Thriller

น่าแปลกที่สุดกับสัตว์ประหลาดภาคนี้ที่เมื่อลองไปเทียบกับภาคก่อนหน้านี้จะเห็นความผิดปกติโดยสิ้นเชิงราวกับยุคสมัยถูกเปลี่ยนแปลงไปแล้วโดยเฉพาะเอฟเฟคที่เนรนิตไบโอเลนเต้สัตว์ประหลาดในภาคนี้ได้อย่างสะดุดตาและตระการยิ่งกว่าตัวใดๆที่คุ้นเคย แต่จะอะไรคงไม่แปลกเท่าก่อนจะสร้างไบโอเลนเต้ให้มีตัวมีตนได้นั้นมาจากการคัดเลือกประกวดของประชาชนที่ทาง Toho ได้ประการให้ส่งไอเดียก่อนจะได้ผู้ชนะซึ่งตัวที่ถูกใจดันเป็นสิ่งมีชีวิตแหวกแนวกว่าภาคก่อนๆ เพราะอะไรนั้นเจ้าตัวนี้เป็นพืชไม่ใช่สัตว์ ต้องเรียกว่าแปลกเพราะปกติจะเป็นสัตว์กันไปหมดหรือหุ่นยนต์บ้างปะปนกันไป แต่นี้คือสิ่งมีชีวิตอาศัยน้ำ อากาศ และแสงแดดในการดำรงชีวิตแถมเดิมที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหากเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ที่ทดลองทำการตัดต่อพันธุกรรมด้วยการนำเซลล์ก็อตซิลล่าที่ตกค้างจากศึก Godzilla 1985: The Legend Is Reborn (1984) เอามาใส่ดอกกุหลาบก่อนที่ท้ายที่สุดจะกลายพันธู์โตอย่างรวดเร็วและมีชีวิตกลายเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่ปรากฎในสภาพดอกไม้ขนาดมหึมาที่คลับคล้ายจะสื่อจตถึงก็อตซิลล่าได้ราวกับเป็นญาติพี่น้องกันอีกด้วย ทว่าอีกตัวหนึ่งเป็นสัตว์อีกตัวเป็นพืชก็คงไม่ต่างกับญาติห่างๆระหว่างเผ่าพันธุ์ที่สุดท้ายต้องสู้ตามสัญชาตญาณ


ไบโอเลนเต้ไม่ได้เกิดขึ้นเองจากการโดนลูกหลงหรือสิ่งที่ชักพาให้เกิดอย่างไม่ตั้งใจ การถือกำเนิดไบโอเลนเต้เป็นความตั้งใจของดร.ชิรากามิ (Koji Takahashi) ที่ลงมือตัดต่อนำเซลล์ของก็อตซิลล่าเข้าเพราะความเชื่อที่ว่าอาจทำให้ดอกกุหลาบดอกโปรดของเขาไม่ตาย อันที่จริงการปล่อยให้ดอกไม้ตายต้องเหี่ยวเซาโรยร่วงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันใดวันนึงต้องหมดอายุจากไป ทว่าดอกกุหลาบดอกนั้นมีความหมายกับดร.ชิรากามิอย่างมากเนื่องจากมีความเชื่อฝังใจคิดว่ามีวิญญาณของลูกสาวสถิตอยู่

ส่วนถามว่าทำไมคิดเช่นนั้นคงเพราะในวันที่เกิดเหตุนั้นห้องแล็บทดลองได้ระเบิดขึ้น จะคงเหลือคือดอกกุหลาบที่ทำให้ดร.ชิรากามิคิดว่ามีวิญญาณลูกสาวตัวเองจึงทำการเลี้ยงดูและศึกษาเป็นอย่างดีก่อนภายหลังเริ่มหมดสภาพจึงต้องทดลองนำเซลล์ก็อตซิลล่ามาใช้ก่อนที่จะเติบโตเร็วเกินคาดและหายไปพร้อมกับสภาพห้องแล็บที่พังกระจุยกระจาย ทั้งหมดนี้เป็นเพียงประเด็นของตัวละครหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับไบโอเลนเต้ในฐานะผู้สร้างสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครทำได้เช่นเดียวกับคนสร้างระเบิดออกซิเจนใน Godzilla (1954) ก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญของเรื่องแต่น่าเสียดายที่ปูเรื่องเร็วและกระชับเกินไปหน่อยบวกกับเป็นนักวิทยาศาสตร์หัวกระทิแต่เชื่อเรื่องวิญญาณก็ออกจะแปลกๆไปหน่อย แต่ถ้าคิดในแง่การสูญเสียคนสำคัญบางทีก็ช่วยให้เข้าใจได้


ที่ต้องยกว่าภาคนี้ช่วยเปิดทางให้ภาคหลังจากนี้คือตัวละครที่หยิบมาใช้ซ้ำๆได้เป็นไทมไลน์เส้นเรื่องที่ต่อกันได้อย่างเข้าใจและภาคนี้ได้เปิดตัวละครสำคัญคนหนึ่งที่สามารถต่อกรกับก็อตซิลล่าได้คือมิกิ ซาเอะกุสะ (Megumi Odaka) หญิงสาวที่มีพลังจิตหยั่งสัมผัสในสิ่งที่ใครไม่อาจรับรู้ได้และยังสามารถรับรู้ได้ว่าก็อตซิลล่าที่ตกปล่องภูเขาไฟในภาคก่อนยังไม่ตายเพียงแค่อยู่ในภาวะคล้ายจำศีลและใกล้ตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆเมื่อภูเขาเริ่มประทุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ทว่าสิ่งนี้ยังไม่น่ากังวลใจเท่าการใส่ตัวละครตามมาอีกเยอะแยะจนน่าจะแตกหน่อเผื่อภาคอื่นได้ อย่างเช่นสายลับนักฆ่าซาราเดียที่ถูกส่งมาเพื่อขโมยงานวิจัยที่เดิมทีก็แย่งเซลล์ก็อตซิลล่าไปหนนึงบ้างแล้วแต่ครั้งนี้จะมาเอางานทดลองแบคทีเรียที่คิดค้นมาเพื่อจัดการก็อตซิลล่าโดนเฉพาะ ประเด็นก็คล้ายกับภาคก่อนที่ยังมีการแก่งแย่งเป็นศัตรูกันอย่างลับๆไม่ต่างกับสงครามเย็นที่ต่างหาประโยชน์ของอีกฝ่ายเพื่อกอบโกยให้มากที่สุด แต่ถ้าให้พูดถึงประเด็นหลักๆของเรื่องนี้เห็นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงต่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ล้ำมากขึ้นจากการทดลองตัดต่อพันธุวิศวกรรม อาทิการทำให้ข้าวปลูกและเติบโตได้ในที่แห้งแล้ง ด้วยความที่ทันสมัยมากขึ้นนี่เองจึงเป็นประเด็นที่ว่าอาจมีอะไรมากกว่าเพียงทฤษฏี ดังนั้นการทดลองด้วยการปฏบัติจึงเกิดขึ้นโดยดร.ชิรากามิใส่ยีนก็อตซิลล่าเข้าไปในเซลล์ของกุหลาบ แม้จะเป็นไปได้ดีเพราะต้นไม่เหี่ยวตายแต่กระนั้นผลลัพธ์ที่ไม่ทันคาดการณ์เอาไว้ก็เกิดขึ้นกลายเป็นไบโอเลนเต้สัตว์ประหลาดที่เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์เพราะความไม่รู้เท่า


น่าเสียดายที่ภาคนี้ไม่ทำเงินเท่าที่ควรทั้งที่มีอะไรหลายอย่างที่เรียกว่าน่าดึงดูดไม่ใช่น้อยโดยเฉพาะกับรูปร่างหน้าตาของสัตว์ประหลาดไบโอเลนเต้ที่ดูจะสมกับคำว่าสัตว์ประหลาดที่ถอดแบบมาจากก็อตซิลล่าในร่างพืช บางทีคงเพราะความแปลกอาจทำให้หลายคนไม่คุ้นชินตาเท่าไหร่นักจึงเลี่ยงที่จะสนใจเพราะอาจไม่ได้ดูเจ๋งขนาดคิงกีโดร่ามังกรสามหัว มอธร่าผีเสื้อฝ่ายธรรมะ สำหรับตัวละครสัตว์ประหลาดดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจจากการต้องควบคุมเรื่องทางเอฟเฟคให้มากขึ้นเกินกว่าคนที่สวมชุดคนเดียวจะรับใหม่ ดังนั้นจึงเป็นตัวละครที่น่าสนใจในระดับที่ยังตามยุคตามสมัยกันอยู่ซ้ำยังปรากฎมาบ่อยตามภาคต่างๆอีกด้วย ในขณะที่ไบโอเลนเต้ก็เช่นเดียวกันกับยุคสมัยที่เริ่มมีเทคนิคการถ่ายทำมากขึ้นเอฟเฟคก็หลากหลายยิ่งขึ้นและที่สำคัญกำลังอยู่ในช่วงริเริ่มเส้นเรื่องใหม่โดยไม่มีอารมณ์ของเจ้าก็อตซิลล่าสู้พิทักษ์โลกอย่างในยุคโชวะอีกต่อไป(ยกเว้นภาคแรกที่ยังคงนำมาเป็นเนื้อเรื่องเริ่มต้น) ข้อสังเกตที่ได้คืออารมณ์ที่จริงจังมากขึ้นจากการมีตัวตนของก็อตซิลล่าที่ต่างยังพาวิตกกังวลกันไม่หายจากที่ภาคก่อนฝ่ายมนุษย์สามารถเอาชนะก็อตซิลล่าได้อย่างยากลำบาก

ทว่าถึงภาคก่อนจะไม่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับก็อตซิลล่าว่ายังอยู่หรือเป็นเพราะจบลงด้วยการทำให้ตกลงปล่องภูเขาไฟก่อนจะจบลงด้วยอารมณ์ตื้นตัน พอมาภาคนี้ได้แสดงออกการยังคงอยู่ของก็อตซิลล่าที่ยังมีชีวิตคล้ายจำศีลก็ยิ่งสร้างภาพลักษณ์การเตรียมพร้อมรับมือเวลาก็อตซิลล่าตื่นที่บ่งบอกถึงความกลัวว่าจะสามารถสยบราชาสัตว์ประหลาดตัวนี้อีกครั้งได้หรือไม่ เห็นชัดว่าเนื้อเรื่องยังเน้นความซีเรียสซึ่งแน่นอนว่าการออกแบบพวกสัตว์ประหลาดต้องออกมาจริงจังด้วยเช่นกัน ดังนั้นก็อตซิลล่าหน้าตาจึงออกมาทางอารมณ์ดุ ข้อดีที่ภาคนี้ทำคือเป็นแบบอย่างให้กับภาครุ่นหลังที่ปรับหน้าตาก็อตซิลล่าให้ออกมาน่ารักน้อยลง ดูมีความเป็นสัตว์ที่น่ากลัวมากขึ้น ฉะนั้นใครหวังหรือผิดหวังกับภาพลักษณ์ก็อตซิลล่ารักโลกจะหายไปหมดทันที


Godzilla vs. Biollante นับเป็นภาคที่น่าสนใจที่สุดในแง่ของสัตว์ประหลาดที่ใส่เอฟเฟคและการจัดแต่งหน้าตาให้ออกมาดุร้าย ที่สำคัญการแฝงนัยยะยังคงน่าสนใจไม่น้อยเช่นกันที่พยายามใส่ประเด็นของฝ่ายมนุษย์เรื่องการแย่งกันในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นจะได้เห็นด้วยว่าฝ่ายมนุษย์ได้ขนกลเม็ดทุกวิถีทางเพื่อกำราบก็อตซิลล่าไม่ว่าจะเป็นยานสุดแกร่งจากครั้งก่อนที่สยบก็อตซิลล่าได้ก่อนจะอัพเกรดในชื่อใหม่เป็น Super X II ที่ต่อยอดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิเกราะที่ทำให้หนาขึ้นแต่ทีเด็ดคือหัวยานที่มีผลึกเพชรเม็ดโตที่เอาไว้สะท้อนพลังนิวเคลียร์ก็อตซิลล่ากลับแถมอาวุธอีกสารพัดที่ขนกันมาจนไม่มีความน่าเบื่อกันเลยทีเดียว ในขณะที่ฉากต่อสู้ระหว่างก็อตซิลล่ากับไบโอเลนเต้ก็ใช่ว่าจะธรรมดาซะเมื่อไรเพราะมีเทคนิคให้แปลกตาไม่น้อยกับเรื่องของเถาวัลย์ที่ขยับไปมาเล่นงานใส่ก็อตซิลล่า แม้ไบโอเลนเต้จะน้อยลูกเล่นเรื่องการต่อสู้เพราะเป็นพืชจึงโดนเป่าเอาได้ง่ายๆแต่ความอึดต้องยกให้เลยมิหนำซ้ำตัวยังใหญ่กว่าก็อตซิลล่าอีกด้วยโดยเฉพาะโหมดร่างต่อสู้ในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความแปลกตาไม่ใช่น้อย

น่าเสียดายที่ฉากต่อสู้มีค่อนข้างน้อยกับสัตว์ประหลาดทั้งสองนี้แต่บอกได้เลยว่าทำออกมาได้ดีและให้ความรู้สึกไม่ยืดเยื้อต่อสู้กันนาน ต่างฝ่ายต่างใช้ไม้ตายกันแต่เนิ่นๆทำให้ออกมาสะใจพอสมควร ในเรื่องการออกแบบไม่ว่าจะเป็นก็อตซิลล่าหรือไบโอเลนเต้ ฉากการต่อสู้ หรือเทคนิคสร้างบ้านเรือนตึกระฟ้าอะไรพวกนี้ยังคงทำได้ดีเช่นเคยและให้อารมณ์หม่นๆแบบภาคก่อนบ้างนิดนึง


สรุปว่าเป็นภาคที่ยังคงรักษามาตรฐานใหม่กับเนื้อเรื่องที่ซีเรียสมากขึ้นและหันมาเข้าประเด็นนัยยะแฝงกับเนื้อเรื่องได้อย่างลงตัว ทว่าข้อเสียของภาคนี้คือตัวละครที่ใส่มามากเกินไปจนแจกบมได้ไม่พอดีทั้งยังทำให้บางตัวละครขาดมิติที่ลึกซึ้งพอจะทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงอารมณ์ส่วนนั้นอีกด้วย อย่างเรื่องมิกิสาวพลังจิตที่ทางเนื้อเรื่องใส่มาเพราะเชื่อว่าพลังจิตของเธอเป็นของจริงและรับรู้ได้ว่าก็อตซิลล่ายังไม่ตายหากแต่ยังอยู่ในปล่องภูเขาไฟเพื่อรอการประทุให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เนื้อเรื่องชวนเป็นตัวประกอบแต่ยังคงชักพาให้แย่งชีนด้วยเป็นผู้หญิงที่กล้าเผชิญหน้าตัวต่อตัวกับก็อตซิลล่าและสู้ด้วยพลังจิต จัดว่าแปลกพอสมควร แล้วไหนจะเรื่องของดร.ชิรากามิที่สูญเสียลูกสาวไปอีก รวมถึงการแย่งงานทดลองที่ยังคงไม่ค่อยได้บทสรุปที่ชัดเจนเท่าไหร่นัก พล็อตเรื่องค่อนข้างเยอะพอสมควรแต่การเรียบเรียงยังถือว่าเนียนไปได้เรื่อยๆไม่รู้สึกว่าบกพร่องตรงไหน จะเสียก็เสียที่ยังไม่หนักแน่นพอก็เท่านั้น ถ้าพูดถึงเอฟเฟคอะไรพวกนี้ภาคนี้ทำได้แตกต่างจากภาคเก่าๆไปไกลเลยทีเดียว โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบภาคนี้เพราะเรื่องเทคนิคนี่แหละส่วนเนื้อเรื่องอาจต้องปรับปรุงให้มีน้ำหนักหน่อยรับรองว่าภาคนี้จะออกมาเข้มข้นไม่น้อย

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)