Man on Fire (2004) คนจริงเผาแค้น

Man on Fire (2004)
คนจริงเผาแค้น
Director: Tony Scott
Genres: Action | Crime | Drama | Thriller

คริสซี่(Denzel Washington)อดีตนักฆ่าที่ล้างมือมาทำงานสุจริตตามคำแนะนำของเพื่อนคนสนิท เรย์ เบิร์น(Christopher Walken) โดยการเป็นบอดี้การ์ดให้กับเด็กน้อย พิต้า(Dakota Fanning) จากเดิมความสนิทที่ห่างเหินด้วยคติที่ว่ามาเพื่องานไม่ใช่มาเป็นเพื่อนกลับต้องเปลี่ยนไป เมื่อคริสซี่กับพิต้าเริ่มมีความสนิทสนมประหนึ่งคนสำคัญของชีวิตที่ต่างมีความผูกพันแก่กัน ทำให้คริสซี่ดูมีความหวังมากมายกับชีวิตใหม่ที่เขามีความสุข แต่จนแล้วจนรอดทุกอย่างต้องกลับตาลปัตรไปอย่างมากเมื่อพิต้าถูกลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ ซึ่งในขณะนั้นคริสซี่ก็ทำทุกอย่างให้พิต้าปลอดภัยแต่ตัวเองทำงานพลาด กลายเป็นตราบาปที่ว่าไม่สามารถรักษาคนสำคัญของชีวิตได้ทำให้อุดมการณ์เก่าต้องลุกขึ้มาอีกครั้งกับบทบาทนักฆ่าเลือดเย็นที่ใครมาขัดขว้างหรือมีส่วนเกี่ยวข้องต้องตาย แต่ดูยิ่งสืบค้นหามากเท่าไรกลับต้องพบความจริงในอีกหลายๆอย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมีแผนที่วางล้วงหน้าและเป็นขบวนการชั่วที่มาพร้อมกับคำว่ามืออาชีพ


อารมณ์ของหนังค่อนข้างจะหนักทางความเข้มข้นแบบชวนระทึกหรือแนวทริลเลอร์ที่แฝงด้วยประเด็นมากมายและชวนสัมผัสได้ถึงความมันส์แบบเปี่ยมพลัง ฉะนั้น Man on Fire จึงเป็นแนวดำเนินชีวิตที่ไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดหวังเอาสนุกกับการบู๊หรือฉากแอ๊คชั่นชวนมันส์ เพราะเนื้อเรื่องในช่วงแรกค่อนไปทางดราม่า มีเนื้อหาเกี่ยวพันถึงชีวิตมากมายทั้งปมและอคติ

ที่ตัวหนังจะสนุกจริงๆคือความสะใจที่ได้รับการกรองมาอย่างดีในเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและปราศจากช่องว่างเว้น และผลคือความสนุกที่ไม่จำเป็นต้องยิงกันกระหน่ำแต่เป็นความโดดเด่นที่ดุเดือดจัดจ้านกับสไตล์ทริลเลอร์สุดระทึกที่นำพาสู่เรื่องราวที่น่าหลงใหลและติดตาม

ถ้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่สนุกคงไม่แปลกกับคนที่ชอบความบู๊ที่ต้องกระหน่ำกันจริงๆ ซึ่งกับหนังเรื่องนี้แค่มีเป็นฉากๆบางฉากเท่านั้น แต่ความมันส์ก็ไม่ได้น่าสนุกมากนักเพราะตัวหนังไม่ได้กำหนดว่าต้องมีความเว่อร์เข้ามาให้ดูสนุกเร้าใจ ทำให้ Man on Fireมีข้อด้อยของความเป็นแอ๊คชั่น ซึ่งจริงๆแล้วความจำเป็นที่ต้องแอ๊คชั่นยิงกันนั้นไม่จำเป็นต้องมี เนื่องจากมีเนื้อเรื่องที่เป็นไปอย่างเข้มข้นทำให้รูปแบบของหนังมีความจริงจังที่มากมาย มีความรอบคอบ น่าชวนคิด และความหนักแน่นแบบทริลเลอร์ที่ต้องกดอารมณ์ให้บีบกดดัน


กับตัวละครหลักๆคงไม่พ้น Denzel Washington ที่มักปรากฎในหนังเหมือนคนมีปัญหาและปมในอดีตบางอย่าง ซึ่งต่างระบุเอาไว้ได้ไม่ชัดเจนแต่สิ่งที่เห็นและการกระทำของตัวละครกลับบ่งบอกได้ถึงความเจ็บปวดและบาดแผลฝังใจจนเกิดอาการซึมเศร้าและติดเหล้าในที่สุด แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าเพราะเกิดจากเหตุผลอะไรตรงๆแต่บอกเพียงว่ามีปัญหาทางอารมณ์ที่เป็นคนไม่ค่อนข้างจะเข้าสังคมได้ดี ซึ่งนั้นจะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลออกมาจนเรียกว่าในหนังเรื่องนี้เก็บอารมณ์ความรู้สึกได้ครบถ้วน ทั้งความสะใจกับแนวทริลเลอร์แอ๊คชั่น หรือจะดราม่าที่ส่งบทสรุปส่งท้ายได้อย่างน่าเศร้าใจ ยอมรับมีมุมมองและไอเดียที่น่าสนใจที่อาจมองว่าเป็นพล็อตเนื้อเรื่องธรรมดาของการแก้แค้น ถึงกระนั้นเมื่อตัวหนังดำเนินเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆจะพบว่ามีความจริงซ้อนเข้ามาอีกทีกลายเป็นว่าไม่ใช่แค่หนังจะดำเนินได้น่าเครียดเพียงอย่างเดียว แต่มีปมที่เกิดเป็นแบบแผนอีกด้วย ทำให้มีความเซอร์ไพส์ในอีกหลายแง่มุมที่เกิดขึ้นแบบน่าคิดและทัศนะคติที่แตกต่าง ทำให้การเข้าใจในสังคมโดยกว้างมีอะไรมากมายกว่าที่ควรจะเป็นเอาไว้มาก ไม่ใช่แค่ Denzel Washington ที่แสดงได้อย่างดีสมบทบาทเท่านั้น แต่ต้องยกนิ้วให้กับ Dakota Fanning ที่แสดงได้อย่างมีความสนุกตามประสาเด็กน้อย และอารมณ์ที่ถ่ายทอดได้อย่างพอใจในมุมมองการรับบทที่น่าลงตัว


มุมมองที่ชวนปวดหัวคือการใช้มุมกล้องที่ให้ความรู้สึกหวือหวามีการเหวี่ยงฉากไปมาได้อย่างมีลวดลาย กับใครอีกหลายคนคงได้แต่มองด้วยความปวดหัวปวดตา แต่กับด้านการตีความหมายต้องยกให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นที่ยังคงมีความคาใจและสับสนกับตนเอง ไม่ใช่แค่การเหวี่ยงกล้องเพื่อความน่าสนใจอย่างเดียวแต่อันหมายถึงการสร้างภาพติดตาเพราะจะทำให้ตัวหนังเองมีความกดดันสูงและดูเครียดได้ง่าย การถ่ายทำมีการเล่นลูกเล่นแสงสีเงาอย่างเต็มเปี่ยม และที่สำคัญคือการเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกตลอดเวลาทำให้ดูเหมือนการดำเนินเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ทิ้งช่องว่างให้พักเหนื่อย

กับช่วงแรกจะมีการปูทางสำหรับประเด็นเอาไว้ให้ชัดเจนว่าทำไมคริสซี่ถึงต้องลงมือโหดทุกวิธีเพื่อพิต้า ซึ่งจะค้นพบได้ทันทีกับช่วงหลังที่เริ่มจะดุเดือดและเข้มข้นต่างจากช่วงแรกที่เป็นหนังชีวิตไม่ได้มีความมันส์อะไรเลย นอกจากเรื่องชีวิตและความผูกพันที่นำพาสู่ความรักความรู้สึกเป็นมิตรและห่วงใย


แต่นี่คือหนังของ Tony Scott ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ตัวหนังจะมาแรงและเร็ว สำหรับ Man on Fire จะมีความโหดที่รุนแรงในตัวช่วงหลังที่หนักแน่นและบังคับจนเรียกวาทรมานกันเลยทีเดียว โดยฉากดั้งกล่าวจะมีความเจ็บปวดเป็นอย่างมากและทรมาน คือฉากตัดนิ้ว ที่ไม่ตัดแบบธรรมดาแต่มีการห้ามเลือดที่เจ็บแสบมาก เป็นอะไรที่จ่อนิ้วเข้าอย่างจัง จะบอกว่าการเริ่มต้นแก้แค้นในการกวาดล้างเป็นไปแบบเอาคืนให้สาสมแก่ใจ

ถ้าวัดโดยรวมตัวหนังทำได้ดีมากถึงแม้การเฉลี่ยบทบาทกับตัวละครจะไม่ชัดเจนมากนัก เพราะไม่มีบทที่พุ่งประเด็นไปยังจุดอื่นๆนอกจากไปตามคติการแก้แค้นของคริสซี่ที่บทบาทมากมาย ถึงจะเริ่มหนักเบาลงจนแผ่วในช่วงท้ายแต่นั้นเป็นการสื่อบอกความหมายได้ชัดเจนที่ว่าถึงเวลาต้องพักบ้างแล้ว

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)