Riki-Oh: The Story of Ricky (1991) ริกกี้คนนรก

Riki-Oh: The Story of Ricky (1991)
ริกกี้คนนรก
Director: Ngai Choi Lam
Genres: Action | Comedy Thriller
Grade: B+

สำหรับตัวหนังเรื่องนี้ได้สร้างมาจากการ์ตูนดังในอดีตชื่อเดียวกัน Riki-Oh จากญี่ปุ่นของเท็ตสึยะ ซารุวาตาริ ผู้วาดนักล่าฆ่าหัว ฮาร์ด,Dog Soldier,TOUGH ใครว่าข้าไม่เก่ง แม้เจ้าตัวคนเขียนรีวิวนี้จะไม่เคยอ่านหนังการ์ตูนเรื่องมาก่อนแต่ได้ลองหาอ่านคร่าวบางส่วน ซึ่งพบว่าการดำเนินเนื้อเรื่องในหนังกับการ์ตูนนั้นมีความแตกต่างที่น้อยดำเนินเรื่องได้ตามหนังสือการ์ตูนเป๊ะๆ เปลี่ยนแปลงไปบางส่วนให้กระชับมากขึ้นและเพื่อไม่เว่อร์อย่างการ์ตูนมากเกินไป ทว่าคำว่าเว่อร์คงเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะมีความรุนแรงของแต่ละฉากที่เหมือนในการณ์ตูนชนิดหนังกำลังภายในเทียบไม่ติดสักนิดเดียว แม้ว่าจะลิขสิทธิ์ของญี่ปุ่นเป็นผู้สร้างการ์ตูนเรื่องนี้พอเป็นหนังจริงๆนักแสดงกลับเป็นคนจีนซะแทน ซึ่งเข้ากันได้ดีถ้าจะบอกเป็นกำลังภายในสมัยใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งกระบี่กระบองแต่เป็นหมัดกันทั้งดุ้น


เริ่มด้วยเรื่องราวของชายหนุ่มริกี้(Siu-Wong Fan)ที่จำต้องมาอยู่ในคุกเพราะการแก้แค้นให้กับแฟนของตัวเอง เนื่องจากถูกจับตัวไปข่มขืนจนต้องฆ่าตัวตายทำให้ริกี้ต้องไปล้างแค้นทำให้ต้องมาอยู่ในคุกที่ซึ่งชีวิตข้างนอกเด็กหนุ่มมหาลัยต้องเปลี่ยนแปลงไปเมื่อก้าวสู่เรือนจำแห่งนี้ ทว่าริกี้ได้เข้ามาในเรือนจำได้ไม่นานต้องพบกับชีวิตของปลาใหญ่กินปลาที่ไร้คุณธรรมจึงแสร้งทำเป็นจัดการคนไม่ดีแบบไม่ตั้งใจจนเกิดเรื่องทะเลาะกันและบานปลายเป็นเรื่องใหญ่จากการโดนตะขอตาเดียว(Mei Sheng Fan)ทำร้ายจิตใจ เมื่อเรื่องริกี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นคนมีฝีมือจึงเป็นที่หมายตาของเหล่าเทวราชที่คุมเรือนจำที่มีสี่คน ได้แก่ คิงคอง(Chi-Leung Chan),ฉลาขาว(Tetsuro Tamba),จอมพลัง และจงอาง(Yukari Ôshima)ทั้งสี่ล้วนเป็นยอดฝีมือที่มุ่งเล่นงานริกี้เผื่อขจัดเสี้ยนหนามออกไปหลังจากพบว่าเป็นตัวการทำให้ไร่กัญชาต้องถูกทำลายและอีกหลายอย่างที่ริกี้ยอมไม่ได้กับคนชั่วที่ใช้นักโทษเหมือนผักปลา ซึ่งตัวการสำคัญคือนาพัศดี(Ka-Kui Ho)ที่คุมเรือนจำแห่งนี้ ทำให้ริกี้ต้องมีชีวิตที่อยู่ไม่เป็นสุขและยังคงต้องสู้ต่อไปเพื่อปลดปล่อยทุกคนสู่อิสระภาพ


เป็นหนังกังฟูที่ไม่ขายประสบการณ์ตัวนักแสดงหรือสปิริตแต่อย่างใดเพราะในเรื่องไม่มีฉากโล้ดโผนที่เน้นร่างกาย เพียงขายองค์ประกอบความล้ำบึ้กของพระเอกที่ต้องมีร่างกายที่ใหญ่และกล้ามแสดงถึงความเท่อย่างหนึ่งที่บ่งบอกถึงข้อแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับคนที่มีฝีมือ ด้วยเหตุนี้เองการจะเอาประสิทธิภาพของนักแสดงมาใช้จะมีคือการแสดงอารมณ์มากกว่าจะให้ต่อยตีตามคิวบู๊ที่ต้องฝึกซ้อมอย่างดี สำหรับการแสดงของริกิโอเป็นตัวละครหลักที่ต้องมีอารมณ์หนักซะหน่อยเพราะในเรื่องนอกจากหดหู่แล้วยังต้องแสดงถึงความเสียใจผ่านหน้าตาที่ตามตำราจีนเรื่องการแค้นนี้ต้องชำระ ซึ่งนักแสดง Siu-Wong Fan เหมือนว่าจะจับจังหวะอารมณ์ได้ดีทีเดียว เวลารู้สึกเจ็บใจรู้สึกได้ถึงความรวดร้าว หรือจะตอนโกรธที่เปล่งพลังแบบสุดขีดตามด้วยศักยภาพร่างกายที่เล่นกล้ามที่เนื้อแน่น แม้จะไม่ขายประสิทธิภาพสปิริตนักแสดงแต่ก็มีหลายฉากที่ต้องตีลังกาหลายตลบที่เสนอด้วยการทำภาพสโล แต่จะอะไรซะอีกเมื่อหนังกังฟูกำลังภายในฉบับนี้จะแตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆที่สุดแสนเหนือความหมาย ยิ่งกับใครที่ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงกับเรื่องนี้แล้วการรับชมครั้งแรกถือว่าสุดคาดกว่าที่ควรเอาไว้เยอะมากทีเดียว เพราะการนำเสนอแบบเทคนิคทุนต่ำที่เข้าขั้นหนังคัลท์เลือดเนื้อกระจุยกระจาย

เราอาจเคยเห็นหนังกำลังภายในมาหลายเรื่องที่มีฉากแขนขาดคอหลุดมาบ้างก็ยังไม่น่าสยดสยองอะไรเหมือนตัวต่อที่หลุดไปมากกว่า ทว่าของจริงแท้มันอยู่กับหนังเรื่องนี้ที่ถูกขนานนามว่า"Gory Fu Flick"ที่กล่าวขวัญเป็นอย่างดี แม้ว่าความสยองจะมีอยู่หลายฉากก็ตามทีแต่ด้วยเทคนิคการทำสมัยนั้นถือว่ายังไม่เนียนเท่าที่ควร ทำไงได้เห็นๆกันอยู่ว่าเป็นหุ่นชัดๆเวลาซัดกันทีถึงกับเละกันเลย ซึ่งเทคนิคเก่าแบบนี้แหละที่หนังคัลท์ทำให้เป็นที่รู้จักกันดีจนบางหลายรับไม่ได้กับความรุนแรงเช่นนั้นทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่ของจริงก็ตาม ซึ่งมันขึ้นอยู่กับมุมและการจัดฉากที่ทำยังไงให้เห็นในสิ่งนั้นโดยที่พยายามทำให้รู้ออกน้อยที่สุด ทั้งนี่ต้องคาราวะในตัวผู้กำกับที่มีความทะเยอทะยานสูงส่งที่สร้างหนังจากการ์ตูนโดยคงความเป็นต้นฉบับให้มากที่สุด จะว่าแล้วในการ์ตูนจะโหดก็โหดใช่ย่อยทว่ามันเป็นงานภาพการ์ตูนจะมีใครบ้างที่มองว่าจะน่ากลัวจนแหวะ เมื่อลองเป็นทำเป็นหนังจึงกลายเป็นดีกรีชิ้นเยี่ยมที่พัดความโหดเข้ามากขึ้นเนื่องด้วยเทคนิคของการคัลท์นี่แหละ


เมื่อรู้ว่าหนังหนักไปทางคัลท์แล้วการที่ผู้ชมบางรายเคยอ่านการ์ตูนเรื่องนี้คงน่าจะนึกภาพออกได้พอสมควรว่าอะไรควรเป็นอะไร ทั้งฉากต่อยที่ไม่ใช่แค่เจ็บธรรมดาแต่หมายถึงการต่อยที่ทะลุทะลวง ควักไส้ ลูกตาหลุด และอีกสรรพัดที่มีในการ์ตูนจากการวาดภาพกลายเป็นการเมคขึ้นมาเป็นชิ้นเป็นอันที่ลงอุปกรณ์เพิ่มชิ้นเนื้อ ในเรื่องมีฉากเด็ดหลายฉากและติดตากันทีเดียว อย่างฉากริกี้สู้กับเทวราชคนแรกชื่อคิงคอง ซึ่งคาดว่าเป็นการต่อสู้ของทั้งสองที่น่าดูและไม่ลืมกันหลายคนเช่นฉากริกี้โดนคิงคองตัดเส้นเอ็นที่แขนที่เป็นไม้ตายเด็ดของคิงคอง ทำให้แขนริกี้ใช้ได้ไม่เต็มที่แต่ทว่าริกี้เองมีทีเด็ดที่แหวกแนวเหลือหลายที่สามารถต่อเส้นเอ็นได้  จากฉากนี้จะเห็นริกี้กำลังต่อเส้นเอ็นด้วยแล้วเราก็เห็นเส้นเอ็นแบบเส้นๆกันเลย แต่ริกิจะต่อยังไงนั้นลองหาดูชมแล้วจะเห็นว่าแปลกเพราะมันเหมือนผูกมากกว่าต่อซะงั้น และอีกอย่างคือไม้ตายสุดท้ายที่เห็นในการ์ตูนคือคิงคองใช้มีดแทงท้องตัวเองเพราะเห็นว่าริกี้มันแน่มากที่แก้วิชาของตัวเองได้จึงคว้านท้องตัวเองด้วยวิธีฮาราคีรี ทีแรกก็นีกว่าเหมือนพวกตายเพราะศักดิ์ศรีอะไรประมาณนั้นแต่ว่าศักดิ์ศรีก็มีอยู่จริงๆพอเห็นว่าคู่ต่อสู้แทงตัวเองริกิเข้าไปแบบไม่อยากสู้ด้วยพอคิงคองบอก"เรามาตายด้วยกัน"เท่านั้นแหละทีเด็ดที่พิสดารได้เริ่มขึ้นกับวิชาแปลกๆที่คิงคองหยิบไส้ตัวเองมามัดคอริกี้ รัดคอ!ใช้ไส้ตัวเองรัดแปลกดีจริงๆ ถึงอย่างนั้นเจ้าคิงคองยังไม่ตายหรอกนะ ส่วนริกี้เองยังอึดเหนือมนุษย์เช่นเคย


แค่เทวราชคนแรกไม้เด็ดยังเยอะขนาดนี้ที่เหลืออีกสามคงไม่กล่าวถึงคงไม่ได้และสงสัยที่ว่าทำไมมันเก่งกันจังเวลาอยู่กันเป็นกลุ่มๆพอแยกมาเดี่ยวๆมีเก่งอยู่คนเดียวเองนั้นคือเจ้าจงอางที่ในเรื่องร้ายที่สุดก็ว่าได้ อัดริกี้ไปตั้งหลายทีแถมนิสัยเรียกว่าสุดขั้วความชั่วกันเลยทีเดียว ส่วนอีกสองคนคือฉลามขาวกับจอมพลังที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองกันอยู่แล้ว สำหรับจอมพลังไม่มีอะไรมากว่ากันตามซื่อๆคือเป็นพวกบ้าพลัง ฉลามขาวใช้อาวุธแบบเข็มชักค่อยเป็นตัวสอดอยู่ตลอด สำหรับจงอางใช้กังฟูทักษะทางเท้าเตะอย่างเดียว ตอนแรกคิดว่าคงมีพวกเก่งกังฟูหรือกำลังภายในเพียงแค่นี้แต่ในตอนท้ายเรื่องมีเซอร์ไพร์สมาอีกคนกับวิชาลับๆที่คนไม่เคยอ่านการ์ตูนมาก่อนคงแปลกใจไม่น้อยว่าจะทำได้ด้วย อันที่จริงตัวหนังกับหนังสือการ์ตูนเองไม่ได้ดำเนินเหมือนกันไปหมดทุกอย่างแค่เปลี่ยนกันเล็กๆน้อยๆที่เสื้อผ้าหรือจะมุมมองให้เหมาะกับฉากของคนแสดงมากกว่าภาพการ์ตูน ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องว่าถึงเหมือนกันหมดแม้แต่ความโหดที่เป็นหนังก็คัลท์ทันทีอย่างที่บอกข้างต้น จะว่าการได้ดูหนังกังฟูนับว่าสนุกดีไม่น้อยเวลาเห็นสู้กันที่ต่างงัดทักษะกำลังภายในมาสู้กันทั้งลีลาและท่าทาง แต่กับริกี้โอนี้มีปัญหากับกลุ่มบางคนก็ว่าได้คือความคัลท์ของตัวหนังนี่เองที่เป็นข้อเสียดีๆและเป็นข้อดีกับคนชอบแนวนี้ ยอมรับว่าหนังเรื่องนี้มีศักยภาพที่เวิร์คมากๆการดำเนินเรื่องต่อเนื่อง มีย้อนภูมิหลังของพระเอกที่ฉายผ่านความคิดอันเจ็บปวดในใจที่ตอนแรกมีความสุขกันดีกับแฟนของตัวเอง ฉากนี้เราจะเห็นถึงรอยยิ้มที่เล่นกันแบบสนุกสนานชวนมีความสุข จนกระทั่งแฟนของตัวเองถูกคนชั่วจับไปข่มขืนจนต้องบีบคั้นตัวเองฆ่าตัวตาย นั้นแหละที่ริกี้ชิงชังคนชั่วทั้งหลายและพยายามช่วยคนดีมาตลอดแม้จะอยู่ในคุกก็ตาม


เนื้อหามีประเด็นเสียดสีเกี่ยวกับคุกอยู่ไม่น้อยทั้งการป้ายสีนักโทษ ทรยศพวกพ้อง หรือจะทำเรื่องผิดกฎหมายซึ่งในที่นี่หมายถึงการค้ากัญชาที่ปลูกเอาไว้หลายต้นในเรือนจำ นับว่าไม่ใช่เอาสะใจเป็นว่าเล่นแต่ยังมีสาระเข้าใจถึงโลกกว้างที่คนดีมักเป็นเหยื่อของคนชั่วที่มีอำนาจเช่นเรื่องของแฟนริกี้

บางทีอาจสงสัยว่าริกิมีปมในใจหรือแผนอะไรในใจหรือไม่ที่เข้าเรือนจำแล้วทำตัวต่อต้านมาโดยตลอดตั้งแต่วันเข้าซึ่งสาเหตุแบบนี้หนังไม่ได้เจาะจงบอกอะไรไว้นอกจากเราจะคิดว่าเป็นเพราะริกี้ไปจัดการคนที่ทำให้แฟนตัวเองต้องตายจึงเป็นเหตุผลที่น่าเหมาะสมที่สุด ทว่าเรื่องราวของริกี้ยังมีที่มาที่ชัดเจนเกี่ยวกับกังฟูที่ตัวเองมี เริ่มจากที่ไปเจออาจารย์ที่สุสาน จริงๆต้องเรียกว่าเป็นญาติกันมากกว่าเพราะเป็นผู้ตั้งชื่อให้อีกด้วย ด้วยคำสัตย์ของริกี้ที่ว่าจะช่วยคนดีทำให้ได้รับการถ่ายทอดวิชาจนกลายเป็นคนอึดในเวลาต่อมาแต่ด้วยหลังจากเรื่องเศร้าเรื่องแฟนตัวเองทำให้ริกี้ไม่ได้ร่าเริงอย่างเคย


แต่การถ่ายทอดบรรยากาศในส่วนของนักโทษจะออกมาผิดความรู้สึกไปนิดเรื่องชีวิตเป็นอยู่ในคุกออกจะอิสระเกินไปจนสามารถหยิบอาวุธเข้าถึงตัวได้ง่ายเกินไปจนเหมือนว่าเรื่องเวลาของนักโทษจะมีให้ได้ทุกเวลา พวกนักโทษดูจะเป็นคนดีกันซะมากจะว่าแล้วคงเป็นเพราะต้องการแบ่งแยกฝ่ายระหว่างข้างริกี้กับเหล่าคนคุมเรือนจำก็ว่าได้ซึ่งจะช่วยให้ความชัดเจนได้ดี และริกี้เองมีนิสัยช่วยเหลือคนอย่างว่าจริงๆและไอ้การช่วยเหลือเป็นที่เตะตาคนบ้างคนจนเขาต้องโชว์ฝีมือออกมาจนกลายเป็นเรื่องบานปลายไปในที่สุด

แปลกดีนะหรือเป็นวิชาของริกี้ที่ดูจะโหดเหลือเกิน ถ้าว่าเป็นการ์ตูนคงไม่มีเรื่องน่าสงสัยเท่าการให้คนแสดงเมื่อริกี้อึดเกินธรรมดาทั้งที่โดนเล่นงานตั้งมากและมากๆ ไม่ว่าจะโดนตรอกย้ำจิตใจอยู่ฝ่ายเดียวจากตะขอตาเดียวที่ทำลายรูปแฟนของตัวเอง หรือโดนเล่นงานจากเหล่าเทวราชที่ทำเสียเรื่องเสียราว และที่หนักสุดคือการโดนทรมานจากหลายวิธีที่คนธรรมดาไม่มีทางรอด ซึ่งวิธีดังกล่าวยังน้อยไปเมื่อเทียบกับการโดนฝังทั้งเป็นในดินโดยให้คำสัญญาว่าถ้ามีชีวิตรอดในเวลาที่กำหนดจะให้เป็นอิสระและริกี้เองอยู่ในดินโดยไม่ตายได้แถมยังเป่าเพลงให้ฟังอีก หรือจะโดนเครื่องทรมานที่ผนึกริกี้อยู่กับที่แล้วโดนอัดอยู่ฝ่ายเดียว อย่างที่รู้คือเจ้าจงอางเป็นตัวโกงที่น่าหมั่นไส้อีกตัวหนึ่งที่เล่นงานริกี้(อีกแล้ว)ในสภาพขยับตัวไม่ได้ แล้วเอาใบมีดโกนใส่ปากริกี้แล้วตบหน้าหลายทีจนใบมีทะลุแก้ม แต่หลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นเรื่องไม่เคยเกิดขึ้นทันทีถ้าลองจับสังเกตหนังดีๆจะพบว่าริกี้เป็นตัวละครที่นอกจากจะบ้าพลังตอนโกรธแล้วยังทึกไม่มีใครเทียบและยังรักษาบาดแผลได้อีกด้วย ไม่งั้นตอนจบของหนังริกี้จะต้องโทรมแน่ๆแต่นี่ไร้บาดแผลทั้งที่โดนไปเยอะมีเลือดนิดๆตามประสาหนังกำลังภายในจีน(แต่นี่ภายนอกมากกว่า) จริงอย่างว่าตัวโกงจะให้คำสัญญามากแค่ไหนยังกลับคำแม้ริกี้จะรอดจากการโดนฝังทั้งเป็นก็สุดท้ายไปไม่รอดโดนจับใส่เครื่องทรมานเพราะพัศดีอยากรู้ให้ได้ว่าริกี้เป็นใคร มาทำอะไรในเรือนจำแห่งนี้ ซึ่งอันที่จริงเข้ามาตามระเบียบกฎหมายเพียงแค่เป็นคนดีที่ไม่อยากให้คนที่ต่ำต้อยต้องโดนรังแกเท่านั้น โดยส่วนตัวชอบพัศดีแปลงร่างขยายร่างกายตัวเองเพราะไม่คิดว่าเทคนิคแบบนี้จะมีในหนังได้ด้วย ถ้าเป็นการ์ตูนก็ว่าไปอย่าง นับว่าเจ๋งกันทีเดียวที่สามารถหยิบเทคนิคเก่าๆมาสร้างให้เกิดเป็นตัวตนเหมือนในการ์ตูนได้ถือว่ามันส์ไม่น้อย


เอาเป็นว่า Riki-Oh: The Story of Ricky เป็นหนังที่ลื่นในการถ่ายทอดเรื่องราวอย่างต่อเนื่องมีรายละเอียดมากมายภายในคุกที่เสนอได้ประเด็นของสังคมของอิทธิพลมีอำนาจที่ใช้ในทางไม่ดีทำให้นักโทษสิ้นหวังเพราะแอบถูกใช้แรงงาน ความบู๊แอ็คชั่นถือว่าสนุกตามฟอร์มหนังสือการ์ตูนถ้าไม่คิดอะไรมากก็ถือว่าฉากปลอมๆทำได้ดีไม่ตกจังหวะ ในขณะที่การแสดงเองคงพอรับและส่งต่อได้ดีตามเทคนิคการตัดต่อเป็นเรื่องเป็นราวแม้จะเสียเรื่องนักโทษไปบ้างก็ถือว่ายังดีในระดับโอเค นับเป็นหนังดูเพลินอีกเรื่องหนึ่งถึงแม้จะมาออก Gore ไปบ้างก็ตามทีแต่เวิร์คมากงานนี้

รูปภาพของฉัน
เกิดปี 2538 (1995) แค่คนที่เรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ แต่ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ที่เขียนรีวิวเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อ่าน และกำลังทำช่อง YouTube เกี่ยวกับหนังสือ(การ์ตูนเป็นหลัก)